การเสวนา เรื่อง “เจ้าของอาคารยุคใหม่...ร่วมใส่ใจยื่นตรวจสอบอาคาร”
โดย สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร
วันพุธที่ 26 กันยายน 2555 เวลา 08.00-12.00 น.
ณ ห้องประชุม Sapphire 204-206 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
----------------------------
นายพิชญะจันทรานุวัฒน์: คนที่เป็นหมื่น ๆ คน ห้องข้าง ๆ อีกตั้งเยอะแยะมันอันตรายถ้าเกิดเหตุขึ้นมา อันนั้นก็เรื่องหนึ่งว่าต้องออกไปจนถึงภายนอกอาคารถึงจะปลอดภัยทำอย่างไร ผู้ตรวจสอบจะเข้าไปดู ระบบปรับอากาศในห้องนี้มีอากาศบริสุทธิ์หรือเปล่า อิมแพ็คเขาเปิดอากาศบริสุทธิ์เข้ามาหมุนเวียนให้เราไหมมันเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้สังเกตดูไหมครับ มันเพียงพอหรือเปล่าอากาศบริสุทธิ์ที่เข้ามาหมุนเวียนอยู่ในนี้ เพราะคนเป็นหมื่น ๆ คนในนี้ต้องการออกซิเจนในการหายใจ ต้องการสุขภาพที่ดี กลับไปบ้านไม่ใช่ว่าเป็นหวัดเต็มไปหมดเลย มีคนเป็นหวัดอยู่ 2-3 คน คนมาอยู่ในอาคารเป็นหวัดไปหมดเลย สะอาดไหม บางทีฝุ่นอะไรมากมาย พวกนี้ผู้ตรวจสอบจะเข้าไปช่วยดู น้ำในก๊อกที่เราใช้สะอาดหรือเปล่า เวลากดชักโครกลงไปของเสียทั้งหลายมันถูกไปบำบัดสู่สาธารณะ สู่คู คลองที่เราใช้ประโยชน์ใช้สอยหรือเปล่า ขยะที่เราทิ้งมันไปถูกที่หรือเปล่า พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นทั้งนั้น ทางภาคราชการก็มองว่าการตรวจสอบอาคารสำหรับอาคารขนาดใหญ่ ๆ จำเป็นที่จะต้องมีผู้ตรวจสอบเพื่อไปปกป้องประชาชนที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในอาคาร อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ อยากจะให้เราคิดถึงว่า ณ วันนี้ที่เราอยู่ในห้องนี้ต้องการการคุ้มครองอย่างไร เหมือนกับลูกค้า เหมือนกับลูกบ้านที่เข้าไปอยู่อาศัยในอาคาร ขอบคุณครับ
ผู้ดำเนินรายการ (นายวสวัตติ์กฤษศิริธีรภาคย์): นิดหนึ่งครับอาจารย์ มีผู้ตรวจสอบอาคารผู้ตรวจสอบอาคารสามารถที่จะรู้ลึกทุกประเด็นที่อาจารย์พูดเลยไหม แสดงว่าต้องมีเครื่องมือเยอะหรือว่าอย่างไร
นายพิชญะจันทรานุวัฒน์: คำถามก็คือวิธีการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบอาคารเราปฏิบัติกันอย่างไร จริง ๆ แล้วผู้ตรวจสอบอาคารไม่ใช่อยู่ ๆ ใครมาเป็นก็ได้ ก็ผ่านการคัดกรอง ผ่านการสอบ การฝึกอบรมอะไรต่าง ๆ มาระดับหนึ่ง แล้วก็ต้องยอมรับผู้ตรวจสอบก็มีประสบการณ์ที่แตกต่างกันบ้างไม่มากก็น้อย แต่โดยพื้นฐานโดยรวมก็สามารถที่จะเข้าไปช่วยให้คำแนะนำ เข้าไปตรวจสอบอาคารเหล่านี้ให้กับพวกท่านได้ จริง ๆ แล้วเขาเข้าไปเป็นมิตร ไม่ใช่เข้าไปจับผิด ไม่ใช่เข้าไปตรวจจับว่าคุณทำผิดกฎหมาย เข้าไปเป็นที่ปรึกษาคอยแนะนำว่าจะทำอย่างไรให้อาคารเกิดความปลอดภัย เรามุ่งเน้นว่าให้เกิดความปลอดภัย ไม่ได้เน้นว่าจะจับผิดพวกท่าน แล้วก็วิธีการตรวจ เราก็ไม่ได้ใช้เครื่องมือในการตรวจ เครื่องมือแบบแพง ๆ เราใช้ประสบการณ์ ทั้งสายตา ใช้ประสาทสัมผัสของมนุษย์ การเข้าไปตรวจในอาคารของท่านก็อาจจะเข้าไปดูในห้องเครื่องไฟฟ้า เขาอาจจะใช้จมูกในการดม สูดกลิ่นมีกลิ่นที่ผิดปกติหรือเปล่า มีอะไรที่เป็นความร้อนจากการสัมผัสที่ทำให้เกิดความร้อนผิดปกติ อาจจะทำให้เกิดเพลิงไหม้ มีเสียงดังที่ผิดปกติคือใช้หู เสียงดังมอเตอร์ พัดลมที่ดังผิดปกติ อาจจะเป็นสาเหตุของการชำรุดหรือเสียได้ในเวลาต่อมา ก็อาจจะแนะนำว่าอาจจะต้องเปลี่ยนอาจจะต้องบำรุงรักษาหรือว่าต้องซ่อมอุปกรณ์พวกนี้ ถ้าใช้ต่อไปอีกไม่กี่วันอาจจะลุกเป็นไฟไหม้ขึ้นมาทำให้เกิด
ความสูญเสียได้ การตรวจสภาพประตูทางหนีไฟ ทางออกสะดวกไหม มีป้ายทางหนีไฟเพียงพอหรือเปล่าไฟฉุกเฉินแสงสว่างต่าง ๆ เพียงพอไหม ตรงนี้ผู้ตรวจสอบก็จะใช้ประสาทสัมผัสของมนุษย์ในการตรวจสอบ ซึ่งก็จำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์มีความรู้ มีทักษะพอสมควร แล้วก็เข้าไปให้ความรู้ ให้เจ้าของเห็นประโยชน์ในสิ่งที่เขาแนะนำ เมื่อเจ้าของอาคารเห็นประโยชน์ ผมก็เชื่อว่าทุกคนก็อยากจะทำให้มันดี แต่ถ้าเกิดเห็นว่ามันไม่เป็นประโยชน์ก็เหมือนกับทำ ๆ ไปสั่งให้ทำ เพราะว่ากฎหมายสั่งบอกให้ทำ มันก็ไม่ค่อยสมเจตนารมณ์ที่ทางกฎหมายตั้งเอาไว้ ตั้งใจที่อยากจะให้เจ้าของอาคารเห็นประโยชน์ เมื่อเห็นประโยชน์ในระยะยาว เจ้าของอาคารพอเข้าใจก็ดูแลอาคารเอง ผู้ตรวจสอบอาคารปีหนึ่งไปครั้ง 2 ครั้ง บางทีถ้ามีอะไรที่ผิดปกติไปเจ้าของอาคารไม่เห็นประโยชน์ปล่อยปละละเลยเหมือนเดิม เจตนารมณ์จริง ๆ คือเข้าไปให้คำแนะนำแล้วก็เห็นประโยชน์จริง ๆ เจ้าของอาคารถ้ารู้ว่ามีประโยชน์ รู้ว่าต้องทำแบบนี้ถึงจะดี ผมก็เชื่อว่าทุกคนก็อยากจะทำแล้วก็จะเกิดความปลอดภัยขึ้นมาเองจากพื้นฐานความต้องการของเจ้าของอาคาร ไม่ใช่เกิดจากพื้นฐานว่าเพราะถูกบังคับ เพราะกฎหมายบังคับ ตรงนี้ไม่ใช่เจตนารมณ์ที่สำคัญครับ
ผู้ดำเนินรายการ : นิดหนึ่งครับ เพราะว่าผู้รับฟังวันนี้น่าจะเป็นเจ้าของอาคารชุดหรือเจ้าของคอนโดมิเนียม ทีนี้การตรวจต้องเข้าไปถึงห้องไหม หรืออาคารทั้งหมด
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: จริง ๆ วิธีการปฏิบัติของการตรวจสอบอาคารชุดไม่ได้ออกมาเป็นระเบียบหรือข้อกำหนดที่ชัดเจน แต่ว่าเราก็มีการคิดกันขั้นต้นสำหรับการตรวจสอบอาคารชุด ซึ่งแนวทางการปฏิบัติก็ต้องยอมรับผู้ตรวจสอบไม่สามารถเข้าไปห้องชุดได้ เพราะบางทีไปตรวจกลางวันเขาก็ออกไปทำงานประตูก็ล็อค แล้วก็เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แล้วก็มีการตกลงกติกากันว่าจะสุ่มตรวจชั้นละ 1 ห้อง หรือว่ากี่เปอร์เซ็นต์
ผู้ดำเนินรายการ : ปีนี้อาจจะสุ่มห้องนี้
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: พยายาม cover ไม่จำเป็นต้องเป็นปีแรกทั้งหมด ค่อย ๆ ทยอยทำไป
ผู้ดำเนินรายการ : มาที่ท่านนายกสมาคมนิดหนึ่งครับ ก็มีหลายท่านโทรศัพท์มาถามที่กองควบคุมอาคารหรือทางสมาคมว่าหลังจากที่ได้รับจดหมายแล้วยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ปัจจุบันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะจะต้องส่งรายงานวันที่ 25 ตุลาคม ก็ไม่ถึงเดือน ประมาณเดือนหนึ่งพอดี แล้วเจ้าของอาคารจะเริ่มอย่างไรดี แล้วสามารถที่จะตรวจทันได้ไหม เพราะอาคารใหญ่
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : ขอบคุณครับ สำหรับท่านเจ้าของอาคารตอนนี้ก็คือจะต้องสนใจข้อกฎหมายก่อนว่ากฎหมายที่บอกว่าเราต้องทำคืออะไรกันแน่ กฎหมายตัวนี้เริ่มต้นก็คือพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ฉบับปี พ.ศ. 2522 ซึ่งค่อนข้างยาว อาจจะสงสัย แต่อาจจะข้ามก่อนก็ได้ แต่ที่ต้องอ่านคือกฎกระทรวงเกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบอาคารที่ขึ้นสไลด์ให้ว่ากฎกระทรวงตัวนั้นจะมีรายละเอียดว่าเจ้าของอาคารต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบอาคาร แล้วก็ตรวจเรื่องอะไรบ้าง เราจะได้มี scope ลำดับถัดมาคือท่านจะหารายชื่อผู้ตรวจสอบได้อย่างไร ผู้ตรวจสอบจะต้องเป็นผู้ที่ขึ้นทะเบียนกับทางกรมโยธาธิการและผังเมืองของกระทรวงมหาดไทย แบ่งเป็น 2 ประเภท ผู้ตรวจสอบประเภทนิติบุคคลกับตรวจสอบประเภทบุคคล
ซึ่ง website ของทางกรมโยธิการ www.dpt.go.thซึ่งในนั้นก็จะมีรายชื่อผู้ตรวจสอบนิติบุคคลประมาณ130 กว่าราย แล้วก็ผู้ตรวจสอบอาคารทุกคนจะมีรายชื่ออยู่ประมาณ 1,400 กว่า จุดที่ 2 ที่จะหาได้ก็คือ website ของสมาคมเอง คือ www.bsa.or.thหรือไม่ก็อยู่ในสิ่งที่ท่านได้รับก็คือหนังสือแนะนำสมาคม
ซึ่งในนี้จะมีผู้ตรวจสอบทั้งนิติบุคคลและผู้ตรวจสอบบุคคลเป็นสมาชิกกับสมาคมซึ่งท่านสามารถที่จะปรึกษาหารือ ได้ครับ
ผู้ดำเนินรายการ : ผมถามนิดหนึ่งว่าระหว่างนิติบุคคลกับบุคคลแตกต่างกันอย่างไร เพราะว่าผมก็ไม่เข้าใจว่าจำเป็นไหมที่จะต้องใช้นิติบุคคลสำหรับอาคารที่อยู่
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : การมีนิติบุคคลกับมีบุคคล การที่ทำให้มีสิทธิเสรีภาพในการเลือกเลือกการประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพก็มีทั้งนิติและมีทั้งบุคคล ซึ่งมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกัน ขึ้นอยู่กับท่านจะพิจารณาอย่างไร การใช้นิติบุคคลก็ย่อมนำมาถึงความน่าเชื่อถือของบริษัท ความต่อเนื่องของบริษัท การที่จะแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง นิติบุคคลก็ย่อมต้องมีโสหุ้ย ส่วนบุคคลธรรมดาก็เป็นการประกอบอาชีพอิสระย่อมเข้าถึงลูกค้าบางกลุ่มบางประเภทได้เหมาะสม ดังนั้นจึงต้องขึ้นอยู่กับว่าตัวของท่านนั้น อาคารของท่านปัญหาของท่าน location สถานที่ตั้งของท่านเหมาะกับที่ท่านจะเลือกเป็นนิติบุคคลหรือเจ้าของที่จะเลือกเป็นบุคคลธรรมดา ก็ต้องพิจารณา มันมีข้อดีทั้ง 2 กรณีครับ
ผู้ดำเนินรายการ : ท่านมองว่าเดิม 5,000 อาคารที่เข้าข่ายเดิม วันนี้เข้ามาเข้าข่ายปีนี้อีก 5,000 ท่านคิดว่าจำนวนผู้ตรวจสอบอาคารที่มีอยู่เพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้ทันเวลา
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : ถ้าเรามองดูบุคคลธรรมดามีประมาณ 1,400 กว่าท่านที่ประกอบอาชีพตรวจสอบอาคาร หาร 2 ก็ได้ประมาณ 700 เอา 5,000 อาคารหารสัก 700 ก็จะได้ 7-8 อาคารต่อคนจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่าอาคาร 2,000-5,000 ตารางเมตรก็คือพื้นที่รวมกัน การตรวจสอบอาคารอาจจะไปพบแล้วก็เดินตรวจ เพราะว่าผู้ตรวจสอบมีประสบการณ์ตรวจอาคารขนาดใหญ่มาเยอะ ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ไม่น่าจะเกินครึ่งวันก็สามารถที่จะให้คำแนะนำท่าน เพราะว่าอาคารของท่าน กฎหมายตัวใหญ่ที่ต้องใช้คือกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 ของกระทรวงมหาดไทย กฎกระทรวง ฉบับที่ 47 หน้าตาเป็นอย่างไร เนื้อหาเป็นอย่างไร ท่านอาจจะเข้ามาที่ website ของสมาคม แล้วอาจจะไปค้นหาดาวน์โหลดได้ ตรงนั้นจะบอกว่าความปลอดภัยที่จะต้องปรับปรุงมีอะไรบ้าง ดังนั้นถามว่าตรวจทันไหม เพียงพอไหม ผมมั่นใจว่าเพียงพอ
ผู้ดำเนินรายการ : ตัวกฎหมายฉบับนี้ สมมุติว่าวันนี้ยังไม่เริ่มตรวจ กำลังจะตรวจ ปรากฏว่าพบข้อเสนอแนะเพราะว่าอาคารเราเก่ามากต้องส่งรายงานไหม หรือว่ารอแก้ไขให้เสร็จ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: คือเมื่อตรวจสอบโดยพื้นฐานทางผู้ตรวจสอบมี comment ก็จะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือในส่วนที่ต้องปรับปรุงหรือแก้ไขตามที่กฎหมายกำหนด ทางเจ้าของอาคารก็ต้องทำการตามที่ผู้ตรวจสอบระบุไว้ กับอีก comment หนึ่งก็คือ comment ที่เกินจากที่กฎหมายกำหนด อันนี้ comment นี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนนี้เจ้าของอาคารถ้าเห็นความสำคัญก็สามารถทำได้เพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น แต่ถ้าเกิดว่ายังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องดำเนินการ แต่กำหนดการที่ว่าต้องส่งอย่างช้าคือวันที่ 25 คืออย่างไรก็ต้องส่งก่อนวันที่ 25 เพื่อให้ทราบว่าอาคารนั้น ๆ ได้รับการตรวจสอบแล้ว ถึงแม้จะมีบางส่วนที่จะต้องแก้ไขซึ่งผู้ตรวจสอบจะกำหนดว่ามีอะไรบ้างที่ต้องแก้ไข และใช้เวลาในการแก้ไขกี่วัน เพื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือ กทม. จะได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารดำเนินการตามที่ผู้ตรวจสอบกำหนดไว้ ก็คือสรุปว่าอย่างไรก็ต้องส่งก่อนวันที่ 25
ผู้ดำเนินรายการ : นิดหนึ่งครับท่าน ผอ. ถ้าหากว่าอาคารใบอนุญาตมันหายไปแล้ว ปัญหาคือตรงนี้เก่ามาก ๆ จะทำอย่างไรต้องตรวจไหม หรือว่าใช้อะไรแทนได้บ้างเพื่อจะให้สอดคล้อง เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย มีแนวทางปฏิบัติอย่างไรครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: ก็ต้องพึ่งหลักการในการตรวจสอบ คือการออกใบ ร.1 คืออาคารจะต้องได้รับอนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้อง เป็นที่มาว่าต้องตามกฎหมายก่อน แต่คราวนี้ปัญหาคือว่ามีอาคารเก่ามาก ใบอนุญาตเดิมสูญหายแล้วหรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็ต้องขอว่านำเอกสารใด ๆ ก็ได้ที่เป็นของทางราชการที่สามารถอ้างอิงได้เพื่อให้เราสามารถอ้างอิงได้ว่าอาคารเหล่านี้มีมาก่อนหรือว่าดำเนินการโดยถูกต้อง เช่นว่าการที่ขอทะเบียนบ้านก็จะไปอ้างอิงว่าขอเมื่อวันที่เท่าไร เป็นอาคารกี่ชั้นอะไรพวกนี้ บางเขตจะมีว่าตามใบอนุญาตเลขที่เท่าไร ก็สามารถเอาส่วนนั้นมายื่นประกอบได้ หรือจะเกี่ยวกับเรื่องภาษีโรงเรือนต่าง ๆ หรือการซื้อขายที่ดินพร้อมอาคารกี่ชั้น พื้นที่เท่าไรก็สามารถที่จะเอามาอ้างได้ ในส่วนนี้ถึงแม้ว่าทางกรมโยธาจะบอกว่าทางเราไม่ต้องดู ทาง กทม. ไม่ต้องดู จริง ๆ ต้องใช้ประกอบในการพิจารณา เพราะต้องตรวจสอบว่าอาคารไหนที่ดำเนินการอะไรผิดกฎหมายเป็นหน้าที่ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะต้องดูแลเรื่องพวกนี้ด้วย
ผู้ดำเนินรายการ : ก่อนที่ผมจะขึ้นเวทีมาก็มีเจ้าของอาคารหลายท่านบอกว่าได้รับจดหมายฉบับที่ผมขึ้นโชว์ว่าอาคารของเขาคำนวณดูแล้วก็ไม่ถึง ทีนี้จะทำอย่างไรให้เขาดำเนินการอย่างไร หรือว่าไม่เข้าข่าย
นายพินิต เลิศอุดมธนา: คืออาคารประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าหลายสิบปีมาแล้ว ข้อมูลทาง กทม. เราก็ชำรุด ดังนั้นข้อมูลที่เราได้จากการสำรวจ คือมีการจ้างที่ปรึกษาสำรวจ มาจากสำนักผังเมืองจะมีกำหนดว่าอาคารหลังนี้พื้นที่เท่าไร เราอ้างอิงจากข้อเท็จจริงว่าพื้นที่เท่าไร คือการสำรวจคงมีการคลาดเคลื่อน ดังนั้นเมื่อส่งจดหมายไปก็ไม่เป็นไรอยู่ที่ข้อเท็จจริง ถ้าพื้นที่ของท่าน 2,000 ท่านก็ชี้แจงว่าพื้นที่ 2,000 ถ้าเราตรวจสอบไม่ถึง 2,000 ก็ไม่เข้าข่ายไม่เป็นไร พวกนี้ข้อเท็จจริงที่เราส่งไปเป็นข้อมูลจากการสำรวจ ซึ่งอาจจะเกิดความคลาดเคลื่อน
ผู้ดำเนินรายการ : มาที่ท่านรองปลัด กทม. ก็คือสร้างรายงานการตรวจสอบอาคาร 9 ประเภท ท่านดอกเตอร์บัณฑิต ประดับสุข ชี้แจงว่าตัวรายงานตัวนี้เป็นอย่างไร แล้วก็เอามาใช้ได้เลยไหมหรือว่าอย่างไรครับ
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ร่วมกันทำเป็นแบบตรวจสอบอาคารที่ตามกฎหมายกำหนดในเรื่องของ 4 ประเภท ในเรื่องความมั่นคงแข็งแรง อุปกรณ์ต่าง ๆ สมรรถนะ อันที่ 4 เรื่องของการบริหารจัดการ แล้วก็ทำ checklist อันนี้ขึ้นมาเพื่อจะให้ตรวจสอบอาคาร แล้วก็เป็นเหมือนสื่อการทำความเข้าใจระหว่างผู้ตรวจสอบอาคาร เจ้าของแล้วก็ทางท้องถิ่น ผู้ตรวจสอบอาคารก็จะเข้าไปในอาคารของท่าน ก็จะตรวจเช็กตาม checklist ที่ได้ออกแบบขึ้นมา เสร็จแล้วเขาก็จะประมวลผลวิเคราะห์แล้วก็จะเสนอความเห็นว่าอาคารหลังนี้มีองค์ประกอบโครงสร้างต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด ใช้งานได้ปกติในกรณีที่อาคารของท่านมีระบบหรืออุปกรณ์หรือว่าส่วนประกอบต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานได้อยู่ ตรวจแล้วพบว่าแก้ไข1 2 3 4 ตรงนี้ที่มีความผิดพลาดอยู่ เช่น พ.ศ. ที่ท่านสร้างอาคาร กำหนดให้มี 1 2 3 ถ้าท่านไม่มีก็จะบอกว่าอันนี้มันขาด แล้วก็ในขณะเดียวกันกฎหมายกำหนดว่าผู้ตรวจสอบอาคารจะต้องมีข้อเสนอแนะในกรณีที่พบปัญหาหรือข้อบกพร่องของอาคาร ก็จะต้องมีข้อเสนอแนะคือทำตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 ก็มีอยู่ 6 ประเภทด้วยกัน คือ 1. ในกรณีที่ให้ท่านต้องมีบันไดหนีไฟสำหรับอาคารสูงตั้งแต่ 4 ชั้นขึ้นไป ซึ่งที่ผมเห็นอาคารพักอาศัยประมาณ 4 ชั้นปัจจุบันมีบันไดขึ้นลงเพียงบันไดเดียว ตึกยาวประมาณ 20 เมตร ในกรณีนี้ท่านก็ต้องมีบันไดหนีไฟเพิ่มขึ้น อันที่ 2 ก็ให้มีแบบแปลนสำหรับบอกว่าเส้นทางหนีไฟอยู่ตรงไหน อันที่ 3 ก็ต้องมีระบบติดตั้งเครื่องดับเพลิงเพิ่มขึ้น อันที่ 4 ให้มีติดตั้งสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ขึ้น อาคารนี้ที่มองเป็นเพดานจะเห็นแต่อาคารพักอาศัยควรจะติดสโมคดีเทกเตอร์ อันที่ 5 ติดสัญญาณไฟส่องสว่าง ก็คือไฟฉุกเฉินที่ท่านเห็นเป็นกล่องแล้วก็มีทั่วไป อันที่ 5 ระบบป้องกันฟ้าผ่า ผู้ตรวจสอบอาคารเกิดขึ้นมาจาก พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร ในมาตรา 32 ทวิ ไม่ต้องจำนะครับ ก็คือว่าเจ้าของอาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษจะต้องจัดให้มีการตรวจสอบอาคาร โดยมีในด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม อันนี้กฎหมายบอกให้มี แต่ตัวกระตุ้นคือเหตุการณ์กรณีจอมเทียนพลาซ่าเพลิงไหม้ ในขณะที่โรงแรมมีระบบแต่ใช้ไม่ได้ ก็เลยทำให้กฎหมายฉบับนี้ออกมา อันนี้คือแบบฟอร์มที่จะใช้เป็นกลาง ๆ ระหว่างความเข้าใจระหว่าง 3 ฝ่าย เพื่อให้ทั้งผู้ตรวจสอบอาคารได้สะดวกขึ้น แล้วก็ทางท้องถิ่นได้เข้าใจได้ตรงกัน
ผู้ดำเนินรายการ : แสดงว่าเจ้าของอาคารหลังจากที่ตรวจสอบ นอกจากตัวเล่มรายงานก็จะมี comment ข้อเสนอแนะ ก็คือ 5-6 ข้อบนจอ แต่ทีนี้ผู้ตรวจสอบอาคารสามารถที่จะให้ข้อเสนอแนะทุกรายเลยใช่ไหม
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ได้ครับ ผู้ตรวจสอบอาคารต้องมีความรู้ที่จะให้ข้อเสนอแนะท่านได้
ผู้ดำเนินรายการ : ก่อนที่จะไปเรื่องประเด็นอื่น เนื่องจากการเสวนาครั้งนี้เป็น 2 ทาง ท่านสามารถที่จะสอบถามได้ เราจะมีไมค์ 3 จุด แล้วก็สามารถที่จะเขียนขึ้นมาฝากคำถามบนเวทีนี้ก็ได้ จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ เพราะว่าเราต้องการที่จะให้ไขข้อข้องใจที่ท่านมาวันนี้ท่านสามารถที่จะปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมายจริง ๆ เมื่อกี้ที่ท่านบัณฑิตพูดถึงตัวรายงานเสร็จแล้ว ผมเชื่อแน่ว่าพนักงานท้องถิ่นในความหมายคือใคร แล้วหน้าที่ของทางท้องถิ่นกับทางกองควบคุมอาคารแตกต่างกันอย่างไร คือไปส่งรายงานที่ไหน จำนวนเท่าไร แล้วใบ ร.1 ถ้าไม่ปฏิบัติตามพนักงานส่วนไหนที่จะเป็นคนออกคำสั่ง
นายพินิต เลิศอุดมธนา: ผมขอเรียนว่าแบบฟอร์มที่ว่าคือกฎหมายไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าแบบฟอร์มเป็นอย่างไร แม้กระทั่งที่ว่ากรมโยธาเคยให้แบบฟอร์มไปเป็นเหมือนแนวทางให้เกิดความสะดวกกับผู้ตรวจสอบ และผู้ตรวจสอบสามารถที่จะกำหนดแบบฟอร์มเองก็สามารถทำได้ เพียงแต่ว่าให้การตรวจสอบมีการตรวจสอบโดยครบถ้วน และแบบฟอร์มที่เราทำชุดนี้เพื่อปรับปรุงให้เกิดความสะดวกกับผู้ตรวจสอบและเจ้าของอาคารไม่ต้องซีเรียสกับเรื่องแบบฟอร์มเท่าไร ทีนี้รายงานที่ต้องส่ง ปัจจุบันนี้คือสำนักการโยธาได้รับมอบอำนาจให้รับเรื่องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องรายงานการตรวจสอบ ที่กองควบคุมอาคาร กทม. 2 ดินแดงแล้วจำนวนรายงานต้องขอ 2 ชุด เนื่องจากว่าทางสำนักการโยธา ทางสำนักงานเขตมีการทำงานประสานงานกัน เมื่อเรารับเรื่องจะส่งสำเนาเรื่องให้กับทางสำนักงานเขต จึงขอความร่วมมือให้ส่ง 2 ชุด
ผู้ดำเนินรายการ : สรุปก็คือส่งรายงานที่กองควบคุมอาคารที่ตรงดินแดง ในหนังสือที่แจกให้ท่านวันนี้จะมีที่อยู่ที่ท่านให้สอบถามในเรื่องข้อปฏิบัติตามกฎหมายนี้ 2 ส่วน กรุงเทพมหานครและทางสมาคมผู้ตรวจสอบและบริหารความปลอดภัยอาคารสามารถที่จะไขข้องใจว่าวันนี้ถ้าทางวิทยากรหรือทางผมไม่สามารถที่จะตอบประเด็นให้ท่านได้ก็ดูใน website ของสมาคมหรือว่าของ กทม. ในนี้ก็จะมีเบอร์โทรให้ท่านสอบถามได้ ท่านจะต้องส่งรายงาน 2 ฉบับ รายงานอย่างเดียวมีเอกสารอื่นประกอบไหมครับท่านนายก
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : นอกจากรายงานแล้วทาง กทม. ยังต้องการเอกสารอย่างอื่นด้วยเช่น เอกสารแสดงความเป็นเจ้าของของเจ้าของอาคาร แล้วก็เอกสารประกอบเกี่ยวกับผู้ตรวจสอบอาคาร รวมทั้งแบบแปลนประกอบการตรวจสอบอาคาร ซึ่งแบบแปลนตัวนี้จะเป็นแบบแปลนที่แสดงขอบเขตของอาคารของท่าน ซึ่งจะต้องระบุว่ามีอุปกรณ์ประกอบความปลอดภัยอะไรบ้างตรงไหนบ้าง ซึ่งตรงนี้ทางผู้ตรวจสอบอาคารจะต้องเซ็นรับรองว่ามีอุปกรณ์ประกอบความปลอดภัยปรากฏอยู่จริง เพื่อการพิจารณา
ผู้ดำเนินรายการ : แบบแปลนนี้ไม่ใช่ที่ขออนุญาตที่อาคารเราสร้าง
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : เป็นแบบแปลนที่จะบอกว่าอุปกรณ์ประกอบความปลอดภัยอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วก็คล้าย ๆ กับแบบแปลนที่อยู่ตรงหน้าผม แต่ไม่ใช่เสียทีเดียว มันมีความใกล้เคียงกัน พูดง่าย ๆ คือสามารถเอาแบบแปลนมาเพิ่มอุปกรณ์ให้ครบ เช่น ไฟส่องสว่างฉุกเฉินตรงไหน ถังดับเพลิงอยู่ที่ไหน ถ้าสมมุติว่าเกี่ยวกับระดับเพลิงที่เป็นสปริงเกอร์ก็ระบุ แต่จะต้องระบุด้วยว่าจะต้องมีระบบตรวจจับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติ อันนี้กฎกระทรวง ข้อ 47 เขาระบุไว้ว่าต้องมี
ผู้ดำเนินรายการ : ในตัวแบบแปลนตรงนี้เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจสอบทำ หรือว่าเจ้าของ หรืออย่างไรครับ มีระบุไหมครับ
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : ตามกฎหมายทางเจ้าของต้องเป็นผู้ทำ แต่ว่าเจ้าของทำไม่เป็นสมาคมมีรูปแบบสำหรับท่าน อาจจะทำแบบเบื้องต้นง่าย ๆ ท่านสามารถเข้าไปดูใน website ของสมาคมได้แต่ถ้ามีโอกาสผมจะเปิดให้ดูนะครับ
ผู้ดำเนินรายการ : ก่อนที่จะมีคำถามจากข้างล่าง ในเรื่องกฎหมายถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเนื่องจากท่านเป็น DSI เป็นตำรวจด้วย ทางเจ้าของอาคาร ผู้ตรวจสอบอาคารเองที่รายงานข้อผิดพลาดหรือว่าไม่บอกว่าอาคารเป็นอย่างไรมีผลอย่างไร
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ที่ผมได้เรียนให้ทราบว่าการตรวจสอบอาคารเกิดจากมาตรา 32 ทวิ ของ พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร ตอนนี้ในบทกำหนดโทษ ที่จริงไม่อยากพูดเรื่องโทษ เพราะว่าเดี๋ยวจะเป็นการขู่เจ้าของอาคารหรือเปล่า แต่ไม่ใช่นะครับ จำเป็นต้องพูด มีกรณีเกิดขึ้นแล้วจะต้องมีการดำเนินตามกฎหมาย ที่จริงผมอยากให้ตรวจเพราะว่ามีความตระหนักในเรื่องความปลอดภัยมากกว่าที่จะบอกว่ากฎหมายบังคับ พูดถึงเรื่องโทษก่อน ในบทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ. ผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 32 ทวิ ให้เจ้าของอาคารทั้ง 9 ประเภทต้องมีการตรวจสอบอาคาร ถ้าเกิดท่านไม่ทำการตรวจสอบอาคารจะต้องโทษอาญา จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท ถ้าเผื่อยังไม่ปฏิบัติตามอีกวันละ 10,000 บาท ครั้งแรกไม่ส่งจำคุก 3 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท แล้วยังไม่ส่งอีกนับแต่วันนั้นไปปรับอีกวันละ 10,000 บาท แต่ส่วนมากโทษจำจะรอลงอาญา โทษปรับก็แล้วแต่เทคนิคมากมาย อาจจะปรับไม่ถึงก็ได้ เพราะคำว่าปรับไม่เกิน 60,000 บาท 100 บาทก็ได้แล้วแต่ 2. จะมีบทลงโทษอีกเหมือนกันสำหรับเจ้าของอาคารในกรณีที่ว่าท่านไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 46 ทวิ คือในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบว่าอาคารท่านอาจจะมีระบบต่าง ๆ ระบบดับเพลิงไม่พร้อมที่จะใช้งาน อาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพชีวิตหรือร่างกายได้ ก็จะส่งให้ท่านแก้ไข ปรับปรุง 2 3 4 ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะสั่งให้แก้ตามกฎกระทรวง ข้อ 47 ถ้าไม่ทำอีกเป็นโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท คือสั่งให้ปรับปรุง เช่น ระบบทางหนีไฟ ระบบเครื่องตรวจจับ ไม่ทำนี่ 30,000 บาทก่อน แล้วจากวันนั้นไม่ทำอีกไม่เกิน 5,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นโทษปรับ ในความเป็นจริงโทษจำคงรอลงอาญา แต่โทษปรับส่วนใหญ่เจ้าของอาคารกลัวโทษปรับจะหนัก แต่ย้อนกลับไปที่เดิมไม่อยากให้ทำเพราะกฎหมายบังคับ อยากจะให้ท่านทำเพราะความตระหนักในเรื่องความปลอดภัย ภายในอาคารมีหลายอย่าง ไม่ใช่อัคคีภัยอย่างเดียว 2 เดือนที่แล้วก็ไปสอนคนตาบอดในการปรับปรุงเส้นทางหนีไฟ ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ มีภัยเยอะ แผ่นดินไหว ซึ่งท่านต้องการเส้นทางอพยพ การร่วงหล่นลงมา เมื่อเร็ว ๆ นี้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแม่ทิ้งไว้แล้วตกลงมา เด็กจะมีปัญหาเยอะ ราวบันไดมี 2 ศพตกจากชั้น 5 อาคารพักอาศัยประมาณ 2,000-5,000 ตารางเมตร ตกลงมาเพราะช่องว่างระหว่างราวบันไดมันสูงเกินไป เด็กลอดได้ เพราะฉะนั้นเวลาท่านตรวจสอบอาคารให้ผู้ตรวจสอบอาคารดูอุปกรณ์ ถ้าผู้ตรวจสอบอาคารที่ค่อนข้างคุณภาพดีก็จะมองภัยท่านได้หมด และจะได้แนะนำท่านได้ว่าตรงนี้
ตัวนี้ล้ำ ห่างไปไหม ปัจจุบันมีเหตุน้ำท่วม บอกท่านได้ว่าจะต้องกั้นตรงไหน น้ำท่วมทำอย่างไร เหตุการณ์ก่อการร้าย จำได้ว่ารถแก๊สวิ่งเข้าไปที่ชุมชนดินแดง รถแก๊สขนาด ๑๐ ตันรัศมีไปไกล ถ้าเกิดจำภาพได้ตอนที่รถแก๊สระเบิดที่เพชรบุรีตัดใหม่ประตูน้ำ ภัยมีเยอะ แล้วก็อยากให้ท่านตระหนักในเรื่องความปลอดภัยมากกว่าที่กฎหมายบังคับ วัฒนธรรมความปลอดภัยของเรายังด้อยกว่าประเทศอื่นเยอะ เช่น ญี่ปุ่น วัฒนธรรมความปลอดภัยดีมาก ของเราตั้งแต่เรื่องนั่งรถ เรื่องเข้าคิวขึ้นรถต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเวลาเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นไม่ต้องมีภัย อีกอย่างหนึ่งโอกาสเกิดภัยในอาคารพักอาศัยรวมเยอะไหม เยอะครับ เท่าที่เคยสำรวจดู ท่านวางข้าวของเกะกะระหว่างทางเดิน สิ่งเหล่านี้พอเวลาเกิดภัยขึ้นมาจะเป็นเครื่องกีดขวางท่านในการอพยพ อันที่ 2จะเป็นเชื้อเพลิง โอกาสเกิดเชื้อเพลิงสูง ไม่ต้องลงทุนมากอะไรเรื่องความปลอดภัย จัดระเบียบให้เรียบร้อยท่านจะลดโอกาสในการเกิดภัยขึ้นเยอะ แล้วทางหนีไฟจะชัดแจ้งมากขึ้น ผมเอาไว้ในส่วนนี้ก่อน
ผู้ดำเนินรายการ : ผู้ตรวจสอบที่ให้รายงานให้เจ้าของได้รับใบ ร.1 มีผลอย่างไรครับ มีผลอย่างไรครับ
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ถือว่ารายงานอันนั้นเป็นเท็จ ก็ยื่นรายงานเป็นเท็จต่อทางราชการ ถือว่าเป็นเอกสารเท็จ ก็คือมีโทษทางอาญา
ผู้ดำเนินรายการ : เมื่อกี้ข้างล่างมีคำถาม เชิญครับ
ผู้เข้าร่วมเสวนา : สวัสดีครับ ผมเป็นผู้จัดการอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่อาศัยรวม เนื้อที่ประมาณไม่ถึง 3,000 ตารางเมตร สร้างประมาณ 4 ปีแล้ว ทีนี้มีระบบมีป้ายหนีไฟ ถังดับเพลิง ต้องใช้สโมคดีเทกเตอร์หรือสปริงเกอร์ก็มี ใบอนุญาตได้มาเรียบร้อย มีการซ่อมบำรุงประจำปี กฎกระทรวงที่ให้ดูของปี 2547 สัญญาณเตือนภัยต้องทำย้อนหลัง
ผู้ดำเนินรายการ : ผมขออธิบายตัวกฎกระทรวง ฉบับ 47 ให้ฟังนิดหนึ่ง กฎหมายออกมาเมื่อปี 2540 มีผลย้อนหลัง คือมี 6 ข้อ กฎหมายฉบับนี้จะไม่พูดถึงเรื่องยากซับซ้อน สปริงเกอร์ ผมขอให้นายกสมาคมอธิบายนิดหนึ่งว่าทั้ง 6 ข้อต้องเพิ่มเติมไหมถ้าเขาไม่มีดีเทกเตอร์ หรือมีเฉพาะปุ่ม manual จำเป็นไหมในห้องพักต้องมีสโมค
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร :กฎกระทรวง ฉบับที่ 47 คือเขาย้อนหลังอาคาร หรือออกมามีผลตั้งแต่ 2540 เราจะมีอาคารก่อนหน้าปี 2540 เยอะมาก ซึ่งจะไม่มีความปลอดภัยพื้นฐาน กฎหมายตัวนี้เป็นการย้อนหลังว่าท่านเจ้าของอาคารกลุ่มนี้จะต้องมีการปรับปรุงให้มีสิ่งอย่างน้อย 6 เรื่อง ทีนี้ของท่านเพิ่งสร้างอาคารมาเมื่อประมาณ 4 ปีและมีระบบตัวนี้อยู่ แต่เมื่อกี้บอกว่าจำเป็นต้องสโมค
ผู้ดำเนินรายการ : คือไม่มีอุปกรณ์ครับ
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : ถ้าไม่มีอุปกรณ์ตัวนี้ ตามกฎกระทรวงตัวนี้เขาบังคับไปข้างหน้าและย้อนหลังด้วย ถ้าเข้าข่ายในกลุ่มเป็นอาคาร ซึ่งเข้าไปดูกฎกระทรวงก็จะเห็นว่าอาคารของท่านเข้าข่ายจะต้องมีระบบพวกนี้ ซึ่งถ้าเกิดท่านยังไม่มีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ก็ต้องมี เพราะว่ากฎหมายเขียนไว้ว่าทั้งแจ้งด้วยมือ แล้วก็ด้วยอัตโนมัติ คำว่าอัตโนมัติก็หมายถึงฮีทดีเทกเตอร์หรือสโมคดีเทกเตอร์ ทีนี้กฎหมายคงไม่ได้ลงไปถึงขนาดที่ว่าต้องเป็นสโมคหรืออะไร ยกเว้นกฎกระทรวงของอาคารสูงที่มีการระบุว่าพื้นที่ใดต้องตรวจจับด้วยควัน แต่ถ้าเกิดทุกท่านเล็งเห็นถึงความปลอดภัยผู้อยู่อาศัยคือทุกห้อง ท่านจะรู้เลยว่าฮีทดีเทกเตอร์กับสโมคดีเทกเตอร์ ถ้าท่านศึกษาเพิ่มเติมสักนิดหนึ่งระดับความปลอดภัยแตกต่างกันมาก สโมคดีเทกเตอร์ตามมาตรฐานแล้วถ้าเป็นห้องนอน มาตรฐานบอกเลยว่าต้องเป็นสโมคดีเทกเตอร์ด้วยควัน มันก็จะสามารถจะส่งสัญญาณเพื่อจะเตือนให้รู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น ดังนั้นถ้าท่านเห็นว่าทรัพย์สินทุกห้องของท่านมีความสำคัญยิ่ง เวลาท่านลงทุนเกี่ยวกับระบบแจ้งเหตุเพลิงได้ท่านต้องพิจารณาเรื่องของสโมคก็จะเป็นระดับความปลอดภัยที่มั่นใจยิ่งขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ : ท่านอาจารย์พิชญะเสริมนิดหนึ่งครับว่าการตรวจ 4 หมวดมีอะไรบ้าง
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: ตอนนี้พวกเราน่าจะเป็นกลุ่มอาคารที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป ต้องเรียนอย่างนี้ว่าในมาตรการของกฎกระทรวงที่ 47 ต้องติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ผ่านมาแล้วดีหรือไม่ดี การตรวจสอบของผู้ตรวจสอบจะกำหนดว่าจะต้องมี แล้วการมีนี่อยากจะเรียนอาคารอยู่อาศัยเป็นอาคารที่มีความเสี่ยงทางด้านอัคคีภัยสูงที่สุด แล้วก็จากสถิติการเสียชีวิตจากเพลิงไหม้ทั่วโลกเลยทุก ๆ ประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์ที่คนเสียชีวิตตายจากอาคารอยู่อาศัย ฉะนั้นอพาร์ทเม้นท์อาคารที่พักอาศัยรวมของพวกเราถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง นอกเหนือจากบันไดหนีไฟแล้วระบบที่สำคัญที่สุดคือระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้จะต้องแจ้งอัตโนมัติด้วยในข้อกฎหมายเขาเขียนเอาไว้ แล้วก็อุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้ต้องเป็นสโมคดีเทกเตอร์เท่านั้นที่จะติดในห้องชุด ในห้องพัก รวมทั้ง corridor ทางเดิน แล้วก็อีกหลาย ๆ พื้นที่จะต้องเป็นสโมคดีเทกเตอร์ถ้าไม่สามารถเลือกได้ เป็นมาตรฐาน หลายคนไปติดที่ดีเทกเตอร์ เพราะว่าฮีทดีเทกเตอร์ถูกกว่ามีคนเสียชีวิตมากมายจากการติดฮีทดีเทกเตอร์มาแล้วในอาคารชุด ซึ่งก็อยากจะเน้นว่ากฎหมายเมื่อกี้ท่านนายกก็ได้พูดไปแล้ว แต่ผมอยากจะพูดถึงความจำเป็นและเจตนารมณ์จริง ๆ เพื่อให้เราเข้าใจว่าประโยชน์มันคืออะไร เพื่อที่จะให้เรามีความที่อยากจะทำ ไม่ใช้ว่าโดนบังคับให้ทำ จำเป็นต้องทำก็คือว่าสโมคดีเทกเตอร์จะตรวจจับเร็ว แล้วเชื้อเพลิงที่ลุกไหม้ในห้องชุดของเราส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เกิดควันขึ้นมาก่อน ความร้อนมาทีหลัง อุปกรณ์ฮีทดีเทกเตอร์ที่ราคาถูกมันเขียนที่ตัวดีเทกเตอร์เลย เตือนให้ผู้ใช้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันชีวิตคน สโมคดีเทกเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่จะตรวจจับได้เร็ว ออกแบบมาเพื่อป้องกันชีวิตคนซึ่งจะแตกต่างกับฮีทดีเทกเตอร์ ซึ่งมาตรฐานไม่ว่าจะประเทศไทย มาตรฐานสากลที่อยู่ต่างประเทศ รวมทั้งที่เคยไปดูอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา หรือประเทศเล็ก ๆ ในอัฟริกาเขาติดสโมคดีเทกเตอร์หมดเลย ของเราอย่านำหน้าเขา คือความจำเป็นเราเลือกไม่ได้ ขอบคุณครับ
ผู้ดำเนินรายการ : ตรงนี้ถามท่านอาจารย์บัณฑิตนิดหนึ่งว่าถ้าเกิดเหตุมาปุ๊บ ท่านก็จะเห็นทั้ง 2 ท่านออกสื่อไปดูซากเขียนว่าเกิดจากเหตุอะไร ถ้าเจ้าของอาคารหรือผู้จัดการนิติไม่ปฏิบัติตามกฎหมายมีผลอย่างไรบ้างครับ
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : 1. โดนก่อนถ้าไม่มีการตรวจสอบอาคารก็จะโดนข้อหาที่ผมว่าตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคารว่า 3 เดือน ปรับกี่หมื่นก็ว่าไป แต่ทีนี้เฉพาะเจ้าของอาคาร ถ้าเกิดมีคนเสียชีวิต เสร็จแล้วก็ต่อด้วยความรับผิดทางละเมิดว่าทำให้เขาบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเขาก็จะฟ้องร้องท่านต่อทางผู้เสียหายนะครับ ทางอาญาก็ไม่พ้นความรับผิดเพราะว่าเป็นเจ้าของอาคาร มีโทษทางอาญา
ผู้ดำเนินรายการ : ทีนี้ผมต่อเนื่องจากเรื่องฮีทหรือสโมคดีเทกเตอร์นิดหนึ่ง เหตุการณ์ที่อาจารย์พิชญะพูดเมื่อกี้ที่เสียชีวิตเพราะติดตั้งเครื่องเตือนภัยผิดระบบ วันนั้นเขาติดฮีทดีเทกเตอร์
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ที่เราเห็นบนฝ้าเพดาน ทีนี้สโมคดีเทกเตอร์จะมีเขียนไว้ คือถูกดีไซน์มาให้จับอนุภาคเล็ก ๆ ของควัน ทำไมต้องใช้สโมคดีเทกเตอร์กับห้องนอนหรือว่าเกี่ยวกับชีวิตคน สมมุติเกิดเพลิงไหม้ขึ้นจะเกิดเปลวไฟ 1. ความร้อน 2. ควัน เรานอนอยู่ที่ห้องนอนเกิดไฟลุกไหม้ ไฟลามมาจากข้างนอกห้องไม่ความร้อนแล้วก็ควัน ถ้าเกิดความร้อนมันดับได้ก่อนตรงฮีทจะเตือนแต่กรณีบางครั้งควันแพร่กระจายมาก่อน ถ้าเกิดความร้อนมากขึ้นมนุษย์จะรู้สึกตัวจะตื่นมา ยกเว้นเมาแต่ตอนนี้บางครั้งถ้าควันมาก่อน ในนั้นมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สูดเข้าไปจะไม่รู้สึก จะเสียชีวิต เขาถึงต้องใช้เครื่องตรวจจับควันสำหรับในส่วนที่มนุษย์ใช้ อันนี้เป็น concept แต่เมืองไทยมีปัญหาว่าไม่ใช่มีฝุ่นเยอะ ตามทางเดินจะไม่ค่อยใช้สโมค ไม่อย่างนั้นจะดังตลอด ถ้าข้างบ้านเผาหญ้า เผาขยะมันก็ดัง สูบบุหรี่เขาจึงใช้ฮีทสำหรับใช้ทางเดิน แล้วสโมคใช้สำหรับในห้องนอนที่พักอาศัย ให้เหตุผลอันหนึ่งอยู่ดี ๆ อาจารย์พิชญะก็บอกว่าความเสี่ยงที่พักอาศัยสูง มากล่าวหาอาคารของผมหรืออาคารพักอาศัยได้อย่างไร คืออย่างนี้ครับ การวิเคราะห์ความเสี่ยงปัจจัย 2 อย่าง คือโอกาสที่จะเกิดคูณด้วยผลที่ตามมา โอกาสที่จะเกิดไฟ สมมุติเรื่องอัคคีภัยก่อน โอกาสที่จะเกิดความร้อนในอาคารของท่านมาจาก 1 กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นทำกับข้าว สูบบุหรี่ หลาย ๆ อย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นความร้อน เชื้อเพลิงมีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสจะเกิดสูง ไฟไหม้ในกรุงเทพฯ เกิดทุกวัน แต่เป็นไฟดับได้ 2. จำนวนผู้คนอาศัยอยู่เยอะ ความเสียหายจะเยอะ โอกาสเลยสูงกว่าเพราะกิจกรรม อาคารที่มีกิจกรรมเยอะ ๆ จะมีความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัยสูงกว่าอาคารที่มีกิจกรรมเดียว สาเหตุทำไมอาคารพักอาศัยถึงมีโอกาสที่จะเกิดอัคคีภัย
ผู้ดำเนินรายการ : นิดหนึ่งครับ ผู้ตรวจสอบอาคารที่ท่านบอกว่ารู้ด้วยสัญชาตญาณ ด้วยสัมผัสทั้งห้า จะรู้ได้อย่างไรว่าในห้องนี้จะมีดีเทกเตอร์กับสปริงเกอร์อยู่ รู้ได้อย่างไรว่ามันใช้งานได้จริง
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: ผู้ตรวจสอบอาคารถูกได้รับการอบรม การตรวจสอบระบบต่าง ๆ ด้วยสายตาและสัมผัสของมนุษย์เท่าที่ทำได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้ครบถ้วน 100 เปอร์เซ็นต์ ในกฎหมายก็กำหนดไว้อีกข้อหนึ่งจะมีอยู่ 3 เรื่องที่จำเป็นจะต้องมีการทดสอบสมรรถนะเพื่ออพยพผู้ใช้อาคาร คือเพื่อชีวิตคน ระบบแรกเลยคือระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ประเด็นนี้จะรู้ได้อย่างไรว่ามันทำงาน ผู้ตรวจสอบจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบด้วยสายตา รวมทั้งทดสอบสมรรถนะด้วยเพราะเป็นอุปกรณ์ป้องกันชีวิตคน อุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้เป็นเครื่องมือทางด้าน life safety หรือชีวิตคน ก็เลยพยายามเน้นว่ามีความสำคัญจำเป็นที่จะต้องติดตั้งเพื่อจะปลุกคนให้ตื่น ที่นอนอยู่ในอาคารของเรา การทดสอบสมรรถนะผู้ตรวจสอบได้รับการฝึกฝนว่าจะต้องทดสอบอย่างไรเพื่อให้เกิดความมั่นใจระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้จะต้องทำงานวินาทีที่เราต้องการให้ทำงาน คือวินาทีที่เกิดเพลิงไหม้ ผมอยากจะเรียนว่ามันมีความสำคัญที่จะต้องมีการทดสอบ เพราะว่าระบบนี้ดูด้วยตาเปล่ามันไม่รู้ว่าทำงานได้หรือเปล่า รวมทั้งประชาชนทั่วไปไม่มีคนบอก อย่างหลอดไฟไม่สว่าง เรามองเห็นว่าหลอดไฟมันขาด อันนี้ 1 ดวงที่มืดไป เรามองเห็นว่ามันใช้งานไม่ได้ดวงนี้แต่ว่าระบบปรับอากาศไม่เย็นเราก็รู้ว่าใช้งานไม่ได้ น้ำในห้องน้ำไม่ไหลเราก็รู้ แต่นี่ไม่มีใครรู้ จำเป็นจะต้องมีการทดสอบและทดสอบสมรรถนะ แล้วยิ่งสำคัญเพราะว่าเป็นอุปกรณ์ป้องกันชีวิตคน อันนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่จำเป็นจะต้องทดสอบสมรรถนะ ไฟฉุกเฉิน ป้ายทางออกฉุกเฉินพวกนี้จะต้องมีการทดสอบสมรรถนะ ประตูทางหนีไฟจะต้องมีการเดินสำรวจแล้วก็ลองเปิดปิดว่าปิดได้สนิทไหม เปิดได้ไหม
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ผมเสริมนิดหนึ่งเมื่อสมัย 10 ปีก่อนยังไม่มีกฎหมายฉบับนี้มาก็มีการตรวจอาคาร สปริงเกอร์เห็นมีหัวอย่างนี้ เครื่องดับอัตโนมัติ คือพอตรวจจริงๆ มีแต่หัวท่อไม่มีสมัยก่อน
ผู้ดำเนินรายการ : ผมเห็นในหนังออกมาน่ากลัวมาก
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: สปริงเกอร์จะแตกทีละหัว
ผู้ดำเนินรายการ : ในห้องพักที่มีหลายห้อง เกิดเหตุห้อง 1 a ก็แตกเฉพาะห้องนั้นหรือว่าเฉพาะบริเวณที่มีความร้อนใช่ไหมครับ
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ก็เฉพาะสปริงเกอร์ตำแหน่งที่รับความร้อน
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: ตอน 46 องศาเซลเซียส ปัญหาหนึ่งที่บอกว่าในห้องชุดหรือว่าห้องพักอาศัยรวมของเราติดตั้งสโมคดีเทกเตอร์ มันก็มีความไวในการตรวจจับ จะจับฝุ่น ความชื้น รวมทั้งจากการผัดอาหารครัวไทยของเราในอพาร์ทเม้นท์ ดีเทกเตอร์ไม่จำเป็นต้องไปติดที่ใกล้บูธหรือว่าที่ผัดอาหารเราสามารถติดห่างไปได้ถึง 6 เมตรเลย ถ้าเกิดเราเป็นห้องแบบ studio เราแก้ปัญหานี้ได้ขอบคุณครับ
ผู้ดำเนินรายการ : มีคำถามต่อเนื่องก็คือในห้องครัวติดแบบไหนครับ
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: ถ้าเป็นห้องเฉพาะเลยหรือเป็นห้องครัวติดฮีทดีเทกเตอร์ได้แต่ถ้าเป็นห้องแบบ studio มีครัวอยู่กับที่นั่งเล่น โต๊ะอาหารแล้วก็มีเตียงนอนอยู่ด้วย เราจำเป็นต้องติดสโมคดีเทกเตอร์ในห้องชุดแบบนั้น แต่ว่าเราอย่าไปติดตั้งอยู่ใกล้ ๆ เตาไฟฟ้าที่เราผัดอาหาร
ผู้ดำเนินรายการ : ห้องที่มีสูบบุหรี่ล่ะครับ
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: จริง ๆ แล้วปัจจุบันก็ห้ามในอาคารอยู่แล้ว ก็ลดปัญหาไปเยอะ โรงแรมหลาย ๆ แห่งก็ห้าม ปัญหาน้อยลง
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : สูบบุหรี่ก็ทำงานนะครับ ตั้งวงกินเหล้าสูบบุหรี่ก็เป็นไปได้
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: แต่ถ้าเกิดสูบคนเดียวนิดหน่อยไม่ค่อยมีปัญหาครับ
ผู้ดำเนินรายการ : มีคำถามเมื่อสักครู่ ในการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบอาคารแบ่งเป็น 4 หมวด ที่ท่านบอกว่ามีการซ้อมอพยพแล้วก็ปลอดภัยแล้ว มันอยู่ในหมวด 4 ว่าบริหารความปลอดภัยอาคารคือมีการซ้อม แต่ว่ายังขาดอีก 3 แห่งที่ผู้ตรวจสอบจะต้องเข้าไปดู นั่นคือความมั่นคงแข็งแรงว่าสภาพท่านไม่ส่อไปแนวว่าตกความมั่นคง อยู่ในหมวดหนึ่ง อุปกรณ์ที่สอดคล้องตามกฎหมายก็อีกหมวดหนึ่งและมีอุปกรณ์แล้วก็ใช้ได้ไหม นั่นก็อีกหมวดหนึ่ง ครบทั้ง 4 หมวด ต้องเข้าใจตามนี้ว่าซ้อมแล้วก็จบมีรับรองจากผู้ซ้อมแล้วจบ มันไม่จบนะครับ ต้องมี 4 หมวด ซึ่งใน checklist ที่ท่านอาจารย์บัณฑิตพูดจะมีครบทั้ง 4 หมวดเลย ผู้ตรวจสอบอาคารก็จะตรวจทั้ง 4 หมวดว่ามีครบไหม เอกสารที่ท่านซ้อมดับเพลิงหนีไฟ หรือว่าท่านจ้างบริษัทนี้มาตรวจเช็กทุกปีท่านต้องเตรียมให้เขาเพื่อใช้ในการจะสอบ อย่าไปทิ้ง มีคำถามที่เยอะถ้าผมไม่สามารถอ่านในที่นี้ได้ ผมจะเอาคำถามคำตอบ ผมให้ความสำคัญทั้งหมดให้กับวิทยากรทั้ง 4 ท่าน review ผมขอเวลา แล้วผมจะขึ้นใน website ของทั้งสมาคมและของ กทม. ยังใช้ไม่ได้ในช่วงการปรับปรุง website ที่ท่านสามารถที่จะดาวน์โหลดได้ ผมขออนุญาตให้ท่านจดนิดหนึ่ง มี 2 ตัว www.bangkok.go.th แล้วก็ www.bsa.or.th สมาคมผู้ตรวจสอบและบริหารความปลอดภัย เบอร์โทรก็สามารถที่จะโทรได้เวลาราชการ ท่านสามารถที่จะสอบถามได้ แล้วใน 3 วันที่จะสัมมนากันวันที่ 29 วันแรก เราเอาผู้ตรวจสอบมาและพนักงานท้องถิ่น ก็จะมีคำถามชุดหนึ่ง เมื่อวานสำหรับอาคารที่ยังไม่ได้รับอนุญาตหรือใบรับรอง ร.1 ก็จะมีคำถามและวันนี้เช่นกัน คำถามค่อนข้างเยอะและเป็นประโยชน์กับผู้ฟัง ผมจะรวบรวมแล้วขึ้นในwebsite หรือสอบถามเพื่อจะเป็นประโยชน์กับพวกท่าน เพราะว่าคำถามไม่สามารถตอบได้ในห้องนี้เพราะมีเวลาที่จำกัด ต้องขออภัย บางคำถามที่เข้ามาค่าตรวจสอบอาคารมีราคามาตรฐานอย่างไร คำถามต่อไปที่จะให้ท่านนายกดูเรื่องแบบแปลนอาคารถ้าไม่มีเลย ตรวจครั้งแรกต้องเสียค่าทำแบบเลยใช่ไหมหรือว่าผู้ตรวจสอบอาคารช่วยอนุเคราะห์ทำให้
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : อันแรกก่อนเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานอาคาร ในปัจจุบันระบบการค้าเสรี ดังนั้นจึงไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานราคาอย่างไร แต่เนื่องจากว่าของทางกลุ่มผู้เจ้าของอาคารตั้งแต่ 2,000-5,000 ตารางเมตรตัวนี้ ในแง่ของทางสมาคมเราจะหารือคณะกรรมการดูว่าสมควรจะมีราคาแนะนำอย่างไรเพื่อให้เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ส่วนข้อ 2 เกี่ยวกับเรื่องแบบแปลนว่าแบบแปลนต้องจ้างไหม คือใน website สมาคมเราเคยจัดเสวนาให้กับผู้ตรวจสอบไปว่าให้ไปแนะนำเจ้าของอาคารว่าการทำแบบแปลนในลักษณะของการประหยัดทำอย่างไร แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าท่านใดที่มีกำลังต้องการที่จะทำเขียนแบบขึ้นมาเพื่อจะใช้ในโอกาสถัด ๆ ไป การปรับปรุงในอนาคตก็สามารถมีช่องทางได้ แต่ถ้าจะมีวิธีประหยัดสตางค์อย่างไรก็มีเทคนิคอยู่บน website สมาคม
ผู้ดำเนินรายการ : อันนี้คือหน้าตา website สมาคม
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : ซึ่ง website สมาคมเราเคยมีเสวนา ท่านเข้าไปตรงเสวนานี่คือตัวอย่างทำแบบแปลนอย่างง่าย คือใช้ PowerPoint เข้ามาช่วย อาจจะพิจารณาดูกับผู้ตรวจสอบดูว่าจะเป็นวิธีนี้ได้ไหม หรือทางลูกหลานที่เล่น PowerPoint เป็น scanเป็น เอามาลงเพราะว่าตัวนี้ทาง กทม. ต้องการให้แน่ใจว่าอาคารของท่านมีระบบความปลอดภัยครบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางประตูหนีไฟ ซึ่งท่านอาจจะต้องมีการปรับปรุง แล้วทีนี้รายงานทันไหม อาจจะเอาคำถามมาตอบใน website แล้วก็ตอบว่าท่านต้องตรวจและยื่นรายงาน แก้ไขใช้เวลานานอยู่แล้ว แต่ต้องยื่น เพราะว่าตามกฎหมายคือต้องตรวจ และตามกฎหมายก็ต้องยื่น แต่การปรับปรุงมันใช้เวลา ซึ่งขั้นตอนก็คือถ้าสมมุติว่าตรวจแล้วตรวจไม่ทัน ยื่นตามเป็นจริงเป็นอย่างไรบ้าง
ผู้ดำเนินรายการ : เรียนถามต่อนิดหนึ่งว่าในบางอาคารที่ไม่ได้รับจดหมายที่บอกว่าให้ยื่นรายงาน ทำอย่างไรครับ นิ่งเฉย ไม่มีความผิดเพราะเขาไม่รู้หรืออย่างไรครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: ก็เรียนแต่เบื้องต้นว่าจดหมายที่ส่งไปเราส่งจากข้อมูลที่เรามีอยู่คือถ้าเกิดท่านไม่ได้รับจดหมายอย่างไร อาคารของท่านเข้าข่ายท่านต้องทำ เพราะว่าอย่างไรเจ้าหน้าที่ก็มีแม้ว่าจะไปพบปลายทาง เราก็ตรวจสอบได้ เพียงแต่ฐานข้อมูลของเราสร้างมา 60 ปี 40 ปีบางทีเราไม่มีเอกสารตัวนี้ แต่ทุกวันนี้ตอนนี้กำลังทำฐานข้อมูลใหม่ ซึ่งคิดว่าอย่างไรสักพักคงจะมีรายละเอียดของอาคาร
ผู้ดำเนินรายการ : มีเรื่องต่อเนื่องว่ากรณีว่ายื่นเอกสารภายในวันที่ 24 25 มันมีข้อเสนอที่ผู้ตรวจสอบให้อยู่ หลังจากนั้นต้องทำตามหรือยื่นมาว่าเราทำแล้วหรือว่าต้องรออะไรไหมครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: ก็คือตอนที่ยื่นครั้งแรกเราจะรับทราบว่าได้ตรวจสอบแล้ว ดังนั้นในการที่จะทำในเมื่อรายงานท่านว่ากำหนดว่าต้องแก้ไขอะไรบ้าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจสอบที่จะต้องกำหนดไว้ในรายงานว่ามีส่วนไหนที่ต้องแก้ไข และส่วนนั้นอยู่ที่ตำแหน่งไหนของอาคาร และใช้เวลาในการแก้ไขเท่าไร เพราะส่วนนี้เราจะนำส่วนนี้มาออกเอกสารให้เจ้าของอาคารว่าต้องทำ แต่ไม่ต้องรอคำสั่งก่อนท่านรู้แล้วท่านก็สามารถทำได้เลย แต่คราวนี้เราต้องออกคำสั่งเพราะจะมีกำหนดเวลาอยู่ ถ้าท่านไม่ทำก็ถือว่ามีความผิด ทางท้องถิ่นสามารถที่จะระงับใช้อาคารได้บางส่วนหรือทั้งอาคาร ที่เราเป็นห่วงคือเราให้กำหนดรายละเอียดว่าส่วนที่แก้ไขคือส่วนไหนของอาคาร ถ้าไม่กำหนดท่านไม่ทำ ไม่แก้ไข เราระงับเขาก็ระงับทั้งอาคารเลย เสร็จแล้วเมื่อมีการแก้ไขเสร็จก็จะมีคำร้องฉบับหนึ่งยื่นมาทาง กทม. ว่าปัจจุบันได้แก้ไขเรียบร้อยแล้วโดยที่ทางเจ้าของก็เซ็นมา ทางผู้ตรวจสอบก็เซ็นมาเพื่อยืนยันว่าทำเสร็จแล้ว เราก็จะไปดูเรื่องเดิมแล้วก็เสนออกใบรับรองการตรวจสอบอาคาร
ผู้ดำเนินรายการ : คำถามต่อไปว่าอาคารนิติบุคคลอาคารชุด มี 5 ชั้น 100 ห้อง อายุประมาณ 31 ปี เดิมได้รับโอนจากเคหะแห่งชาติเมื่อปี 2544 มีน้ำ ไฟ ประปา คำถามก็คือหากมีการตรวจสอบอาคารจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่ หากตรวจสอบไม่ทันหรือไม่ผ่านต้องทำอย่างไร
นายพินิต เลิศอุดมธนา: ก็คือตอนนี้เข้าข่ายเป็นอาคารชุดแล้ว จะเป็นเคหะหรือของบริษัทบ้านแล้วแต่ ดังนั้นเข้าข่ายต้องตรวจสอบก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด จะสร้างกี่ปีก็ต้องเข้าข่าย ก็เหมือนปกติแต่ราคาเท่าไรผมตอบให้ได้
ผู้เข้าร่วมเสวนา : คำถามคือปัจจุบันทางของผม คือของผมเป็นอาคารชุด ปัจจุบันนี้เก็บค่าสาธารณูปโภคส่วนกลาง คนที่มาเป็นกรรมการหรือผู้จัดการไม่มีใครมาเป็น จะทำอย่างไรครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: คือกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลมีหน้าที่ดูแลอาคาร นิติบุคคลต้องเป็นผู้ดำเนินการ
ผู้เข้าร่วมเสวนา : แต่ตอนนี้ไม่มีใครอาสาจะเป็นเขาเก็บส่วนกลางแทบจะไม่ได้ คือเหมือนต่างคนต่างอยู่
นายพินิต เลิศอุดมธนา: ส่วนนี้มีกฎหมายของทางนิติบุคคลเขาคอยดูแลอยู่ ถ้าไม่เก็บเก็บส่วนกลางไม่ให้จะต้องมีมาตรการ
ผู้เข้าร่วมเสวนา : คือมันโอนมาจากการเคหะ ประปาเป็นมิเตอร์อยู่ในห้องของผู้อาศัยเราจะไปละเมิดไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นปัญหาที่แก้ยากที่สุด
นายพินิต เลิศอุดมธนา: คืออาคารชุด กรรมสิทธิ์ก็แยกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผู้ดำเนินการในหน้าที่ของอาคารชุดเหล่านั้นคือนิติบุคคลต้องเป็นผู้ดูแลทั้งหมด แม้กระทั่งการยื่นดัดแปลงอาคารดัดแปลงแค่ห้องเดียว แต่ผู้ยื่นคือนิติบุคคลเป็นคนยื่น ก็ต้องไปผ่านกระบวนการว่าประชุมนิติบุคคลกรรมการทั้งหมดว่าอนุญาตให้ห้องนั้นดัดแปลงหรือเปล่า
ผู้เข้าร่วมเสวนา : คืออย่างนี้ครับ นิติบุคคล ผู้จัดการ ไม่มีใครอาสาเข้ามาเลย คือไม่มีเงินจ้าง แล้วจะจัดการตรงนั้นได้อย่างไร ไม่มีใครทำเลย พูดจาก็ไม่ดี คนที่เจ้าของห้องไม่มาเลย จะทำอย่างไรในเมื่อกฎหมายให้ทำ
ผู้ดำเนินรายการ : ผมแนะนำ เอาจดหมายตัวนี้แจ้งให้เจ้าของอาคารทุกห้องชุดทราบก่อนว่ากฎหมายตัวนี้ขึ้นมาทุกคนในที่นี้ในที่พักอาศัยต้องรับผิดชอบร่วมกัน
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : เสริมแล้วกัน คือเหมือนกับว่าอยากจะทำ แต่ไม่มีคนอาสา จริงๆ น่าเศร้าที่ว่าผู้พักอาคารนี้ต่างละเมิดสิทธิซึ่งกันและกันเอง คือสิทธิในเรื่องของความปลอดภัย เพราะว่าทุกห้องทีจริงแล้วการที่มีผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนการรับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัยทุกห้อง คือลองจินตนาการว่าถ้าเกิดเกิดเหตุขึ้นในห้องใดห้องหนึ่ง และการเกิดในห้องนั้นเป็นเรื่องความปลอดภัยและนำไปสู่ความสูญเสียให้กับทุกห้อง ท่านจะรู้ความหมายเลยว่านี่คือสิ่งที่ละเลย แต่ถ้ามองในแง่ร้ายว่าอาคารตรงนี้ต่างคนต่างไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้วก็ไม่ปรับปรุงเลยถ้าจะแก้กันก็คือแจ้งเขต แล้วเขตก็ระงับการใช้ห้อง ระงับบางส่วนหรือทั้งหมดอันนี้คือมองในแง่ร้ายเลย หรือมองอีกแบบหนึ่งก็ได้ที่จริงต้องมีหน่วยงานหนึ่งที่เขาส่งเสริม คือสมาคมปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งร่วมกับทาง สสส. และทาง สคบ. ในการที่เขาจะถูกสิทธิของผู้อยู่อาศัยว่าถ้าไปเห็นหรือไปพบสถานบริการที่ไม่ปลอดภัยหรืออาคารที่พักอาศัยไม่ปลอดภัยแจ้ง สคบ. เขาจะเอาตรงนี้มาร้องเรียนกับทางท้องถิ่นเพื่อให้ท้องถิ่นไปดำเนินการ เช่นถ้าเกิดสมมุติ
ว่าอาคารนี้มีลูกบ้านอยู่แล้วรู้สึกว่าอาคารนี้ไม่ปลอดภัยเลย เขาร้องทางผู้จัดการนิติก็เพิกเฉย เขาก็ไปร้องที่ สคบ. แล้วก็ทางสมาคมปลอดภัยไว้ก่อนนี่คือมาตรการที่จะปกป้องทางผู้อยู่อาศัย แล้วก็เมื่อกี้ทางท่านอาจารย์พิชญะก็แนะนำว่าสามารถปรึกษากับทางสมาคม
ผู้ดำเนินรายการ : ก็เข้าใจว่ารวบรวมปัญหาครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: คือเขามีกฎหมายอาคารชุดเขาควบคุมแล้วว่าต้องมีจดนิติบุคคล ถ้าปัจจุบันไม่มี อันนี้กฎหมายของกรมที่ดิน จริง ๆ ก็ยังถือว่านิติบุคคลนี้ยังกระทำผิดอยู่ ถ้าเกิดว่ามีความผิดมาทุกคนในอาคารนั้นต้องรับผิดชอบกันโดยถ้วนหน้า
ผู้ดำเนินรายการ : ทีนี้มีคำถามว่ากรณีอาคารที่ต้องทำการตรวจสอบอาคาร ฉบับที่ 47ครบทุกข้อ แต่ใบอนุญาต 8 ชั้น ต้องทำทุกห้องใช่ไหม แล้วก็พื้นที่ใช้สอยเกิน 2,400 อันนี้ต้องบอกว่าถ้าเป็นอาคารของท่านมี 2 หลังติดกันใกล้ ๆ กัน อันนี้คิดพื้นที่ต่อหลังครับ อาคารสำนักงานพื้นที่ 2,100 ตารางเมตรต้องตรวจสอบอาคารหรือไม่
นายพินิต เลิศอุดมธนา: อาคารสำนักงานไม่อยู่ในข่ายยกเว้น ถ้าเป็นอาคารสูงหรือใหญ่พิเศษ ผมเรียนอย่างนี้ว่าอาคาร 2 หลังมีเชื่อม จริง ๆ อาคารหลังเดียวแยกเป็น 2 ซ้ายขวา ถ้าเคสแบบนี้เป็นอาคารหลังเดียวกัน ต้องดูข้อเท็จจริงว่าอาคารต่อเชื่อมหรือเปล่า ถ้าเกิดเป็น 2 หลัง ปูทางเดินเชื่อมโอเคไม่เป็นไร 2 หลัง พื้นที่ก็คิดแต่ละหลัง แต่ถ้าขึ้นบันไดไปแล้วก็แยกซ้ายขวา นี่ก็คือว่าเป็นหลังเดียวกัน
ผู้ดำเนินรายการ : ก็คือว่าถ้าเป็นพื้นที่ตรงนี้อาจจะไม่ชัดเจน ถ้ามีห้องประชุมบรรจุคนได้ 500 คนที่ใช้กันต่อเนื่อง ถือว่าเกิน 1,500 ตารางเมตร พบว่าอาคารบางหลังขึ้นบ้านเดี่ยว ส่วนสูงเกิน23 เมตรก็เข้าข่ายอาคารที่ถูกตรวจสอบ อันนี้ดูพื้นที่ เอกสารที่ต้องใช้ยื่นตรวจสอบอาคารมีอะไรบ้าง ก็คือรายงาน จะมีแบบ 32 ทวิอยู่ สามารถดาวน์โหลดได้ ก็มีตัวใบขออนุญาตหรือใบหลักฐานที่ให้รู้ตัวตนว่าถ้าจะออก ร.1 สำหรับอาคารอะไร หลังไหน แบบแปลนที่ท่านวิทยากรพูด แบบผังอาคารมีอุปกรณ์ครบ แต่ผมเสริมนิดหนึ่งว่าเมื่อกี้แบบแปลนในช่วงบันไดหนีไฟให้ระบุด้วยว่าตรงจุดไหน แล้วก็มีในส่วนของถ้ามีสปริงเกอร์หรือว่าดีเทกเตอร์ค่อนข้างที่จะเยอะมาก ถ้าเราใส่ไปให้เสร็จจะรกไปหมด ท่านอาจจะเขียนด้านล่างมีครอบคลุมทั้งอาคาร แล้วก็ให้ผู้ตรวจสอบเซ็นรับรองมา ก็สามารถที่จะใช้ได้ แล้วก็เอกสารการครอบครองเช่น อช.13 จดทะเบียนบริษัทต้องแสดงตัวตนเพื่อให้ออกใบ ร.1 ก็จะง่าย ๆ เอกสารเพิ่มนิดหนึ่ง หลายท่านกังวลว่ากระบวนการตรวจสอบของ กทม. ให้ยึดการหมดอายุของเอกสาร ณ วันยื่น หนังสือรับรองมี 90 วัน ถือว่าเอกสารในวันยื่นถ้ายังไม่หมดอายุถือว่าใช้งานได้ เอกสารเบื้องต้น ในส่วนที่ผมได้นำเสนอไป 3 วันซึ่งสามารถดาวน์โหลดใน website ได้ มีคำถามไหมครับ รู้ได้อย่างไรว่า comment ของผู้ตรวจสอบเกิดจากกฎหมายที่กำหนดหรือไม่มีแยกไหมตัวรายงาน เกิดกฎหมายไม่เกินมาตรฐานดูอย่างไร
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : อันนี้วิธีหนึ่งที่จะดูว่าผู้ตรวจสอบอาคารท่านเก่งหรือไม่เก่งให้ดูที่ข้อเสนอแนะของเอา คือการไปตรวจอาคารแล้วติ๊กตาม checklist ใครก็ทำได้ แต่ข้อเสนอแนะอันแรกเขาจะให้แก้ให้ท่าน ทำตามกฎหมายกฎกระทรวงที่ 47 ก่อนในหัวข้อ อันนั้นเป็นพื้นฐานหรือมาตรฐานต่ำสุด อันแรกสำหรับผู้ตรวจสอบอาคาร ลองถามเขาว่าอยากจะให้มันสูงกว่ากฎหมายจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะมีปัญหามาแล้วว่าผู้ตรวจสอบอาคารที่ไม่มีความรู้เพียงพอไปตรวจอาคารหลังหนึ่ง แล้วบอร์ดเขาติดสปริงเกอร์ตามมาตรฐานมาก มันทำให้ต้นทุนของสถานที่ประกอบธุรการสูงขึ้นมาและเกินความจำเป็น ผู้ตรวจสอบอาคารส่วนใหญ่เขาจะให้แก้ตามกฎหมายก่อน กฎกระทรวง 2547 ออกมามีผลย้อนหลังแล้วก็ไปข้างหน้าด้วยสำหรับที่สร้างก่อนปี 2525 basic พื้นฐานเลยก็คือ 2547 6 ข้อ แต่ถ้าเผื่อท่านต้องการสูงกว่าท่านก็ถามเขาว่าจะปรับปรุงแก้ไขหรือจะให้ทำอย่างไรเพื่อที่จะให้มีความปลอดภัยในการใช้อาคารมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการ : ตัวรายงานที่ท่านอาจารย์บัณฑิตพูดถึง รายงานตัวนี้จะมี 2 ระดับระดับแรกจะบอกว่า comment หรือว่าเคาะตามกฎหมาย ถ้าท่านอยากจะให้อาคารปลอดภัย ผู้ตรวจสอบที่มีความรู้ มีประสบการณ์เยอะก็จะบอกว่าข้อเสนอแนะหรือเพิ่มเติมในรายงานตัวนี้จะมีแนวเพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น มาตรฐานนสูงขึ้นก็จะเป็นประโยชน์กับท่านเอง ที่ท่านเลือกไม่ได้คือต้องทำตามกฎหมายในกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 มีคำถามว่าสัญญาณฉุกเฉินทางประตูมีแล้วทุกชั้น แต่ในแบบมือกดแต่ละชั้นกดได้ ถามว่าผ่านหรือไม่ อันนี้ต้องบอกว่าตามกฎหมายถ้าท่านมีดีเทกเตอร์สัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ ดับมือ ท่านมีกระดิ่ง ถ้ามันดับทั้งอาคารก็ถือว่า comply หรือว่าสอดคล้องกับกฎหมาย ตำแหน่งหรืออะไรต้องถามเขา
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: คำถามนี้เผอิญเขาถามว่ามีแต่แบบมือกด แล้วกดชั้นใดชั้นหนึ่งก็ดังถือว่าผ่านไหม จริง ๆ ไม่ผ่าน เพราะว่ากฎหมายบอก 2 อย่าง แบบมือและแบบอัตโนมัติ ถ้าแบบอัตโนมัติก็คือพวกดีเทกเตอร์ ซึ่งก็จะมีสโมค แต่ถ้าสโมคตามมาตรฐานถ้าเป็นอาคารพักอยู่อาศัย บังคับเรื่องเกี่ยวกับสโมคดีเทกเตอร์ห้องนอน
ผู้ดำเนินรายการ : ผมชี้แจงนิดหนึ่งว่าอย่าไปยึดที่ว่าในกฎหมายแล้วจะปลอดภัยเสมอไปเราต้องดูมาตรฐานอื่นด้วยเพื่อความปลอดภัยของเราเอง เพราะว่าที่มาเชื่อแน่ว่าทุกท่านก็มีจิตใจที่อยากจะให้อาคารของท่านที่ท่านดูแลปลอดภัย มีคำถามหนึ่งว่าชื่อผู้ตรวจสอบใน website ที่แนะนำเชื่อถือได้ไหม มีความรับผิดชอบในการตรวจสอบไหม ท่านนายกสมาคมเห็นอย่างไร ใน website ของกรมโยธาก็จะมีบอกทั้ง1,500 เลย ทั้งเป็นบริษัทก็ 100 กว่า
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : ถ้าถามว่ารับผิดชอบได้ไหม จริง ๆ สมมุติว่าผู้ตรวจสอบน่าสงสัยท่านร้องเรียนไปยังสำนัก
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ถ้าเผื่อพบว่าผู้ตรวจสอบอาคารไม่มีความสามารถหรือว่าการตรวจไม่ถูกต้อง ท่านร้องเรียนไปที่กรมโยธาธิการได้ ที่อยู่ถนนพระราม 6 สามเสน
ผู้ดำเนินรายการ : เสนอแนะนิดหนึ่งว่าจริงๆ อาจจะเป็นเรื่องใหม่ แต่กฎหมายนี้ผ่านมา 7 ปีแล้ว นี่ปีที่ 6 ในการตรวจสอบแล้ว ท่านอาจจะสังเกตดูอีกก็ได้ว่าคนที่มาเสนองานท่านเขาบอกว่ามีขั้นตอนอย่างไรอย่างที่วิทยากรพูดถึงไหม มีประสบการณ์เคยตรวจอย่างไร ก็จะเป็นแนวทาง ผู้ตรวจสอบมีประสบการณ์มีแนวทางเขาจะบอกอย่างที่ท่านอาจารย์พิชญะพูดว่าตรวจอะไรบ้าง เพราะว่า 2 ท่านนี้
เป็นอาจารย์ผู้ตรวจสอบ ทั้งพวกผมเองก็อยู่ในวงการนี้ ท่านก็สามารถมีประสบการณ์ที่เขามีนำเสนอท่านได้ ทีนี้มีคำถามหนึ่งว่า ณ วันที่เข้าตรวจสอบอาคารจริง จำเป็นหรือไม่ว่าผู้เข้าตรวจเป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้เข้าไปให้คนอื่นไป ถามว่าทำได้ไหม ท่านนายกครับ
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : ก็ต้องบอกก่อนว่าในกรมโยธาธิการเขามีให้ขึ้นทะเบียนได้อยู่2 กลุ่ม กลุ่มแรกเรียกว่าผู้ตรวจสอบนิติบุคคลกับกลุ่มที่ 2 คือผู้ตรวจสอบบุคคล ในกลุ่มแรกเมื่อเป็นผู้ตรวจสอบนิติบุคคลจะเป็นระบบบริษัทซึ่งภายในจะเป็นองค์ประกอบของทีมงานซึ่งหมายความว่านิติบุคคลสามารถที่จะจัดทีมงานเข้าไปทำการตรวจสอบให้ครบตามกระบวนการทางกฎหมายกำหนด เสร็จแล้วคนที่มีอำนาจลงนามก็จะทำการลงนามในฐานะผู้ตรวจสอบนิติบุคคล ส่วนผู้ตรวจสอบบุคคลเป็นลักษณะการขึ้นทะเบียนบุคคล ซึ่งข้อกฎหมายผมเข้าใจว่าตัวผู้ตรวจสอบบุคคลเมื่อเขารับงานท่าน เขาจะเป็นผู้ไปตรวจสอบเองแล้วก็ทำการรับรองในฐานะผู้ตรวจสอบบุคคล การที่เขาส่งบุคคลอื่นเข้าไป ไม่แน่ใจข้อกฎหมายเท่าไรว่ากรณีการบกพร่องแล้วเป็นอย่างไร เพราะว่าในเรื่องของการตรวจสอบอาคารมีระบบประกันภัยในความบกพร่องเข้ามาเกี่ยวข้องในแง่ของการประกันภัยของผู้ตรวจสอบนิติบุคคลเขาครอบคลุมอยู่แล้ว แต่ในฝั่งของบุคคลธรรมดาผมคิดว่าถ้าเขาให้ทีมงานที่ไม่ได้เป็นผู้ตรวจสอบตรงนั้น ไม่แน่ใจว่าประกันภัยจะยังคงคุ้มครองหรือเปล่า
ผู้ดำเนินรายการ : ก็ชัดเจนว่าถ้าเป็นรูปบริษัทสามารถที่จะทำได้ ถ้าเป็นบุคคลก็น่าจะใช้บุคคลนั้นมาตรวจเอง ทีนี้คำถามต่อไป อาคารชุดของเราเป็นอาคารที่ได้รับการยกเว้นแล้ว สอบถามจากทางเขต จากการตรวจสอบมาตรการเขตบอกว่ามี 5 ชั้น ถามโยธาเขตไม่เข้าข่าย คนที่มาตรวจเองก็คือโยธาเขต ตอบได้ไหมครับ ไม่ได้นะครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: ขอเรียนอย่างนี้ บางทีเจ้าของอาคารก็ไม่ทราบรายละเอียดว่าอาคารเข้าข่ายหรือไม่เข้าข่าย ไม่รู้ข้อมูล แล้วไปถามเจ้าหน้าที่เขตซึ่งบางคนเขาก็ไม่รู้ข้อมูลเรื่องนี้ก็เลยไปกันใหญ่ เพราะเรื่องนี้ควรจะถามผู้รู้ คือถามทางสำนักการโยธา
ผู้ดำเนินรายการ : ในกรณีว่าแน่นอนว่าผู้ตรวจสอบ 1,500 คนหรือว่ารูปบริษัทเป็นลูกหลานของเจ้าของหรือว่าเป็นผู้ออกแบบสามารถทำได้ไหม
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: ทำไม่ได้ กฎหมายก็ระบุไว้ชัดเจน คือการตรวจสอบอาคารเจตนารมณ์เบื้องต้นเลยต้องการให้เป็นบุคคลที่ 3 ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวอาคารนั้นจริง ๆ กฎหมายก็เขียนเอาไว้ ดิ้นกันไปดิ้นกันมาได้ แต่ว่าเจตนารมณ์เป็นอย่างนั้น เพราะว่าจริง ๆ แล้วยกตัวอย่างถ้าผมเป็นผู้บริหารอิมแพ็คที่นี่ ผมก็ไม่รู้หรอก คงไม่ได้มาดูว่าแอร์มันใช้ได้ดีไหม ระบบสปริงเกอร์ทำงานหรือเปล่าดีเทกเตอร์ทำงานหรือเปล่า ผมนั่งบริหารผมก็อยากจะรู้ว่าฝ่ายบำรุงรักษา ฝ่ายช่าง หัวหน้าสถานที่ต่างๆ ดูแลระบบพวกนี้ดีหรือเปล่า จริง ๆ ฐานะที่เป็นเจ้าของสถานที่ จริง ๆ แล้วได้ประโยชน์ที่จะให้ผู้ตรวจสอบเหมือนกับมาตรวจทานอีกทีว่าลูกน้องหัวหน้าช่างที่เราดูแลอยู่เขาทำงานเป็นไปตามมาตรฐานที่สมควรไหม แล้วเราก็ได้ผู้ตรวจสอบมาให้คำแนะนำ มาตรวจสอบแล้วก็มาทำรายงานให้ถูกต้องตามกฎหมายมองว่าจะเป็นประโยชน์กับเจ้าของอาคาร
ผู้ดำเนินรายการ : นิดหนึ่งครับ ประสบการณ์ที่ไปดูการเสียชีวิต ถ้าหากอาคารที่สร้างมา30 ปีแล้วไม่มีบันไดหนีไฟ แต่มีบันไดหลักขึ้นลง จำเป็นต้องทำบันไดหนีไฟไหม
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: จริง ๆ แล้วในกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 บอกไว้ว่าจะต้องทำบันไดหนีไฟทางที่ 2 ขึ้นมาอีก 1 บันได ซึ่งก็จะเป็นบันไดลิงด้วย ถ้าว่ากันตามกฎจำเป็นต้องทำสำหรับอาคารสาธารณะ อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ ถ้าในแง่ความเป็นจริงผมก็เชื่อว่าเป็นสิ่งที่สำคัญจำเป็นที่จะต้องทำ อันนั้นเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานแล้วว่าให้คนที่อยู่ในอาคารต้องมีทางเลือกอย่างน้อย 2 ทางเพราะบางทีไฟเกิดไป block ทาง เขาต้องมีอีกทางหนึ่งที่จะหนี ถ้ามีทางเดียว ไป block อยู่ตรงนั้นพอดีเขาหมดหนทางเลย แล้วจากประสบการณ์เพลิงไหม้ที่เข้าไปดูที่มีคนเสียชีวิตหลายสิบคน หลายร้อยคนล้วนแล้วแต่มีความบกพร่องในเรื่องของการหนีไฟทั้งนั้นเลย เช่นไปล็อคประตูบ้าน จาก 2 ทางเหลือทางเดียวหรืออาจจะไม่เหลือเลยสักทางหนึ่งเพราะไปล็อคประตู หรือมีสิ่งกีดขวาง ไม่ได้ดูแล พวกนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนเสียชีวิตได้เป็นโหล ๆ อย่างผมเคยพูดอยู่เรื่อยๆ ถ้าผมมีเวลาเพียง 2 นาที เดินขึ้นไปตึกเพื่อที่จะไปดูว่าอาคารนี้ปลอดภัยหรือเปล่าผมไปดูประตูทางหนีไฟ
ผู้ดำเนินรายการ : น่าจะเป็นคำถามปิดสุดท้ายต่อเนื่องจากท่านอาจารย์พิชญะ ถ้าสมมุติว่ามีกฎหมายมันมีกฎหมายเรื่องระยะ ยื่นปรับปรุงคงไม่ได้ถ้าจะทำทางหนีไฟเพิ่มอีกทางหนึ่งสามารถทำได้ไหมครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: กฎกระทรวง 2547 เขากำหนดให้ทำบันไดหนีไฟเพิ่มได้ แต่ตัวนี้เขากำหนดได้ว่าให้ทำเพิ่มได้ เพราะบางอาคารก็ต้องหาตำแหน่งพอที่จะทำได้ คงไม่ใช่ข้อกำหนดตามกฎหมายปัจจุบัน โดยไม่ถือว่าเป็นการดัดแปลงอาคาร ก็สามารถทำได้ แต่อยู่ในเงื่อนไขของกฎข้อ 47ว่าให้มีบันไดหนีไฟ มีประตูปิดห้องไว้
ผู้ดำเนินรายการ : คือไม่ต้องขอดัดแปลง แต่ว่าทำได้เลย
นายพินิต เลิศอุดมธนา: อย่างเคสนี้ไม่ใช่ยื่นดัดแปลงเป็นการที่ว่าขอให้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง 2547 โดยเพิ่มบันไดหนีไฟ
ผู้ดำเนินรายการ : วันนี้คงเลยเวลาแล้ว คำถามทุกคำถามภายในวันจันทร์ท่านสามารถที่จะโหลดใน website ของสมาคมได้ www.bsa.or.th เดี๋ยวในเบื้องต้นให้วิทยากรคนละครึ่งนาทีครับ
นายพินิต เลิศอุดมธนา: คืออยากจะฝากเรื่องหนึ่ง กฎหมายบางฉบับเช่นว่าเรื่องอุปกรณ์หนีภัยจะกำหนดแค่ว่าต้องมี แต่ตำแหน่งก็คงกำหนดชัดเจนไม่ได้ว่าตั้งอย่างไร คงจะเป็นเรื่องของวิชาชีพของผู้ออกแบบไปนั่งคิดว่าเราน่าจะถึงเวลาที่ทั้งผู้ออกแบบ ทั้งเจ้าของอาคาร และปัจจุบันคือผู้ตรวจสอบอาคาร ท้องถิ่นเราก็เป็นส่วนประกอบ น่าจะได้เวลาที่จะมาร่วมมือกันเพื่อทำบ้านเมืองของเราให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นไปเลย ขอบคุณครับ
ผู้ดำเนินรายการ : ท่านนายกสมาคมครับ
นายวิเชียร บุษยบัณฑูร : สมาคมก็คิดว่าท่านเจ้าของอาคารหลายท่านคงมีข้อสงสัยอีกเยอะ สื่อกลางที่น่าจะใช้ได้จากนี้ไปก็ขอให้เข้ามาที่ website สมาคม แล้วอาจจะใช้สื่อกลางในแง่ของweb board หรือไม่ก็ facebook ของกลุ่ม ตปอ. ก็ได้ สื่อกลางที่จะใช้ในการอธิบายว่าเรื่องที่เราต้องปรับปรุงเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้สอยอาคารจะต้องเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ
ผู้ดำเนินรายการ : อาจารย์พิชญะครับ
นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์: ก็อยากจะฝากว่าทางหนีไฟเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตคนโดยตรงอยู่แล้ว แต่ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เป็นเรื่องที่สำคัญลำดับที่ 2 ที่สำคัญมาก ๆ จะต้องมีการแจ้งเตือนแล้วก็ตรวจจับเพลิงไหม้อัตโนมัติ ซึ่งอาคารอยู่อาศัยเวลาเกิดเหตุขึ้นมาเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดไฟไหม้ตรงไหนอย่างไร ฉะนั้นอุปกรณ์ตรวจจับมันช่วยเราตอนที่เรากำลังนอนหลับอยู่ แล้วก็อยากจะให้พวกเรามองว่าการลงทุนเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ดี เป็นการสร้างภาพพจน์ของอาคารเราด้วย เป็นการสร้างจุดขายหรือแตกต่างจากคู่แข่ง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วก็มี refer ด้วย สามารถที่จะให้ผลกลับคืนมาได้ด้วยในเรื่องความปลอดภัย ขอบคุณครับ
ผู้ดำเนินรายการ : อาจารย์บัณฑิตครับ
พันตำรวจโท ด.ร. บัณฑิต ประดับสุข : ก็ย้ำอีกทีว่าอย่าตรวจอาคารเพราะกฎหมายบังคับ แต่ตรวจด้วยความตระหนักในเรื่องภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ดีเทกเตอร์ฮีทดีเทกเตอร์สโมคดีเทกเตอร์คุยกันทั้งหมด มันสู้มนุษย์ไม่ได้ มนุษย์เป็น ดีเทกเตอร์ที่ดีที่สุด แจ้งเตือนได้ มีไมโครโปรดิวเซอร์อยู่ในสมองที่ดีที่จะแยกแยะภัยต่าง ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้คนหรือมนุษย์เป็นดีเทกเตอร์ที่ดีต้องให้ความรู้ต้องมีการฝึกอบรม ผมย้ำอีกทีเรื่องความตระหนัก ภัยต่าง ๆ มันลดได้ด้วยความตระหนัก ถ้าท่านมีความตระหนักเดินเข้าไปในอาคารชุดของท่าน เจอนี่ทำไมกองไว้อย่างนี้ เจอนี่ทำไมมีควันแจ้งเตือนไปได้ ทีนี้ฮีทดีเทกเตอร์ก็เหมือนกับมือท่านไปสัมผัสความร้อน สโมคเหมือนกับจมูกท่านกลิ่นควันเข้าไปก็รู้ มนุษย์ดีที่สุด แต่ที่มนุษย์มีข้อด้อยคือมนุษย์ไม่สามารถจะขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ทั้งวันทั้งคืน มนุษย์ต้องมีการพักผ่อน
--------------------------------------