ReadyPlanet.com
dot
ฐานข้อมูลกรมโยธาธิการและผังเมือง
กฎหมายเกี่ยวกับตรวจสอบอาคาร
ศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร




BULK

 กฎกระทรวง

คลังน้ำมัน

พ.ศ. 2556

--------------------------

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 และมาตรา 7 (1) (2) (3) (5) และ (7) และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 41 และมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 2 ในกฎกระทรวงนี้

น้ำมัน” หมายความว่า น้ำมันตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง

คลังน้ำมัน” หมายความว่า คลังน้ำมันตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง

เขตคลังน้ำมัน” หมายความว่า แนวเขตของคลังน้ำมันตามที่กำหนดในแผนผังบริเวณของคลังน้ำมัน

จุดวาบไฟ” หมายความว่า อุณหภูมิ ณ จุดที่ไอของน้ำมันลุกเป็นเปลวไฟวาบขึ้นเมื่อสัมผัสกับเปลวไฟทดสอบ

แท่นจ่ายน้ำมัน” หมายความว่า อาคารและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจ่ายน้ำมันให้กับรถขนส่งน้ำมันหรือรถไฟขนส่งน้ำมัน

รถขนส่งน้ำมัน” หมายความว่า ยานพาหนะขนส่งน้ำมันทางบกที่มีถังขนส่งน้ำมันตรึงไว้ด้านบน แต่ไม่หมายความรวมถึงรถไฟขนส่งน้ำมัน

รถไฟขนส่งน้ำมัน” หมายความว่า ยานพาหนะขนส่งน้ำมันทางบกที่เดินบนรางและมีถังขนส่งน้ำมันตรึงไว้ด้านบน

สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระบบที่เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือการศึกษาระดับอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ

ศาสนสถาน” หมายความว่า วัดตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ มัสยิดตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม วัดบาทหลวงตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาธอลิกในกรุงสยามตามกฎหมาย หรือสถานที่ประกอบศาสนกิจในนิกายหรือศาสนาอื่น

สถานพยาบาล” หมายความว่า สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล

โบราณสถาน” หมายความว่า โบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

ทางสัญจร” หมายความว่า ทางหลวง ถนนสาธารณะ ทางสาธารณะ หรือถนนส่วนบุคคล

ทางแยก” หมายความว่า ทางสัญจรที่มีความกว้างของถนนตั้งแต่ 12 เมตร ขึ้นไป และมีความยาวของถนนจากจุดตัดหรือจุดบรรจบตั้งแต่ 200 เมตร ขึ้นไป

ความกว้างของถนน” หมายความว่า ระยะที่วัดจากเขตทางด้านหนึ่งไปยังเขตทางด้านตรงข้าม

ข้อ 3 การวัดระยะห่างของถังเก็บน้ำมันหรือแท่นจ่ายน้ำมัน ให้วัดจากผนังถังเก็บน้ำมันหรือขอบแท่นจ่ายน้ำมัน แล้วแต่กรณี

การวัดระยะห่างของอาคาร ให้วัดจากผนังหรือเสาอาคาร

การวัดระยะห่างตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ต้องวัดจากระยะที่ใกล้ที่สุด

หมวด 1

ลักษณะของแผนผังและแบบก่อสร้าง

--------------------------

ข้อ 4 คลังน้ำมันต้องมีแผนผังโดยสังเขปแสดงตำแหน่งที่ตั้งของคลังน้ำมัน พร้อมสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่อยู่รอบเขตคลังน้ำมันภายในระยะไม่น้อยกว่า 500 เมตร

ในกรณีที่แผนผังตามวรรคหนึ่งไม่สามารถแสดงถึงที่ตั้งของคลังน้ำมันได้ ให้จัดทำแผนผังในระยะที่ทำให้สามารถบ่งชี้ถึงที่ตั้งของคลังน้ำมันได้

ข้อ 5 คลังน้ำมันต้องมีแผนผังบริเวณของคลังน้ำมันที่แสดงแนวเขตที่ดิน เขตคลังน้ำมัน แท่นจ่ายน้ำมัน ถังเก็บน้ำมัน บริเวณที่ตั้งกระป๋องน้ำมันหรือถังน้ำมัน เครื่องสูบน้ำมัน เครื่องสูบน้ำดับเพลิง แหล่งน้ำดับเพลิง ตำแหน่งระบบบําบัดหรือแยกน้ำปนเปื้อนน้ำมัน เขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมัน ท่อหรือรางระบายน้ำหลัก และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ รวมถึงทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะ

การแสดงรายละเอียดตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องแสดงระยะปลอดภัยต่าง ๆ ตามที่กำหนด ในกฎกระทรวงนี้

ข้อ 6 แผนผังระบบท่อและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในเขตคลังน้ำมัน ให้แสดงแต่ละแผนผัง ดังต่อไปนี้

(1) แผนผังระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์

(2) แผนผังระบบท่อดับเพลิงและอุปกรณ์ แสดงตำแหน่งเครื่องสูบน้ำดับเพลิง แหล่งน้ำดับเพลิงที่เก็บสารเคมีสำหรับดับเพลิง เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการดับเพลิง และสถานีดับเพลิง

ข้อ 7 ถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ให้จัดทำตารางเพื่อแสดงขนาด ความสูง และปริมาณความจุของถัง ชนิดของหลังคาถัง ชนิดของน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์ที่เก็บไว้ในถัง และอุปกรณ์ความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่กับถัง

ข้อ 8 แบบก่อสร้างถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) แปลนส่วนบน แปลนส่วนล่าง แปลนฐานราก และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่กับถัง

(2) รูปด้าน รูปตัด และรายละเอียดของฐานราก

(3) รายละเอียดการก่อสร้างและการติดตั้งถัง

ข้อ 9 แบบระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์ ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) จุดรับ จุดจ่าย ขนาดท่อ ลิ้นปิดเปิด และอุปกรณ์หลัก

(2) เครื่องสูบน้ำมันพร้อมระบุแรงดันและอัตราสูบของเครื่อง

(3) ฐานรองรับระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์

ข้อ 10 แบบระบบท่อดับเพลิงและอุปกรณ์ ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) ขนาดท่อ ลิ้นปิดเปิด และอุปกรณ์หลัก

(2) เครื่องสูบน้ำพร้อมระบุแรงดันและอัตราสูบของเครื่อง

(3) ฐานรองรับระบบท่อดับเพลิงและอุปกรณ์

ข้อ 11 แบบก่อสร้างอาคารแท่นจ่ายน้ำมัน ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) แปลนพื้น แปลนฐานราก แปลนหลังคา และแปลนโครงสร้าง

(2) รูปด้านอย่างน้อยสองด้าน

(3) รูปตัดตามขวางและรูปตัดตามยาว

(4) รายละเอียดของโครงสร้าง

(5) รายละเอียดของระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่กับแท่นจ่ายน้ำมัน

ข้อ 12 แบบก่อสร้างระบบบําบัดหรือแยกน้ำปนเปื้อนน้ำมัน ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) แปลนพื้นและแปลนฐานราก

(2) รูปตัดตามขวางและรูปตัดตามยาว

(3) รายละเอียดแสดงส่วนต่าง ๆ ของระบบบําบัดหรือแยกน้ำปนเปื้อนน้ำมัน

ข้อ 13 แบบก่อสร้างเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมัน ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) แปลนพื้น

(2) รูปตัดตามขวางและรูปตัดตามยาว

(3) รายละเอียดการก่อสร้าง

ในกรณีที่การก่อสร้างจำเป็นต้องมีฐานราก ให้แสดงแปลนฐานรากด้วย

ข้อ 14 แบบก่อสร้างท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) แปลนพื้น

(2) รูปตัดตามขวางและรูปตัดตามยาว

(3) ฝาตะแกรงปิดรางระบายน้ำและบ่อพัก

(4) รายละเอียดแสดงส่วนต่าง ๆ ของท่อหรือรางระบายน้ำ

ข้อ 15 แบบก่อสร้างรั้วและประตู ต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(1) แปลนฐานราก รูปด้าน และรูปตัด

(2) รายละเอียดแสดงส่วนต่าง ๆ ของรั้วและประตู

ข้อ 16 ในกรณีที่มีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับหรือจ่ายน้ำมัน ให้แสดงแบบรายละเอียดสิ่งก่อสร้างนั้นด้วย

ข้อ 17 แผนผังและแบบก่อสร้าง ให้ใช้มาตราส่วนดังต่อไปนี้

(1) แผนผังตามข้อ 5 และข้อ 6 ให้ใช้มาตราส่วนไม่เล็กกว่า 1 ใน 500 เว้นแต่คลังน้ำมันที่มีการกลั่นน้ำมัน ให้ใช้มาตราส่วนไม่เล็กกว่า 1 ใน 2,000 ทั้งนี้ ต้องแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ให้สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน

(2) แบบก่อสร้างตามข้อ 8 (1) และ (2) ข้อ 11 (1) (2) และ (3) ข้อ 12 (1) และ (2) และข้อ 13 (1) และ (2) และวรรคสอง ให้ใช้มาตราส่วนไม่เล็กกว่า 1 ใน 100 เว้นแต่ คลังน้ำมันที่มีการกลั่นน้ำมัน แบบก่อสร้างตามข้อ 8 (1) และ (2) ให้ใช้มาตราส่วนไม่เล็กกว่า 1 ใน 250

ข้อ 18 การก่อสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในเขตคลังน้ำมัน ให้มีระยะความคลาดเคลื่อนจากแผนผังบริเวณที่ได้รับอนุญาตได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบ ทั้งนี้ ต้องไม่น้อยกว่าระยะปลอดภัยตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ และสัดส่วนของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ให้มีระยะความคลาดเคลื่อนจากแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตได้ไม่เกินร้อยละห้า

ข้อ 19 คลังน้ำมันต้องแสดงรายการคํานวณความมั่นคงแข็งแรง ระบบปลอดภัย และระบบควบคุมมลพิษของถังเก็บน้ำมัน แท่นจ่ายน้ำมัน เขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมัน ระบบท่อน้ำมัน ระบบท่อดับเพลิง ระบบบําบัดหรือแยกน้ำปนเปื้อนน้ำมัน ระบบอุปกรณ์นิรภัย ระบบไฟฟ้า ระบบป้องกัน อันตรายจากฟ้าผ่า หรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ภายในเขตคลังน้ำมัน

หมวด 2

ลักษณะและระยะปลอดภัยภายนอก

--------------------------

ข้อ 20 คลังน้ำมันต้องมีระยะปลอดภัยภายนอก ดังต่อไปนี้

(1) ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมและปลอดภัยแก่การขนส่งน้ำมัน

(2) ตั้งอยู่ห่างจากเขตพระราชฐานไม่น้อยกว่า 1,000 เมตร

(3) ตั้งอยู่ห่างจากเขตสถานศึกษา ศาสนสถาน สถานพยาบาล และโบราณสถานไม่น้อยกว่า 200 เมตร

(4) ตั้งอยู่ห่างจากเขตสถานที่อื่นใดนอกจาก (2) และ (3) และในระยะห่างเท่าใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

การวัดระยะห่างระหว่างคลังน้ำมันกับเขตสถานที่ตามวรรคหนึ่ง ให้วัดจากผนังถังเก็บน้ำมันกับเขตสถานที่นั้น

ข้อ 21 คลังน้ำมันเพื่อการจําหน่ายต้องมีลักษณะและระยะปลอดภัยภายนอก ดังต่อไปนี้

(1) มีทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะเชื่อมต่อกับทางสัญจรที่มีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า 12 เมตร และต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับความยินยอมให้ทำทางเชื่อมเพื่อใช้เป็นทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะจากเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจอนุญาตหรือเจ้าของทางสัญจรดังกล่าว ทั้งนี้ ทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะต้องมีความกว้างของถนนไม่น้อยกว่า 10 เมตร ขอบทางเลี้ยวเข้าและเลี้ยวออกต้องโค้งออก และมีรัศมีความโค้งไม่น้อยกว่า 6 เมตร เพื่อให้รถขนส่งน้ำมันเข้าออกได้โดยสะดวก ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 1 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

 

(2) จุดเริ่มต้นของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะที่เชื่อมต่อกับทางสัญจรที่มีเกาะกลาง ทางระบายน้ำ หรือกำแพงเพื่อแบ่งการจราจรเป็นสองทิศทาง ต้องห่างจากจุดเริ่มต้นของช่องเปิดของเกาะกลาง ทางระบายน้ำ หรือกำแพงของทางสัญจรดังกล่าวไม่น้อยกว่า 50 เมตร ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 2 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

(3) จุดเริ่มต้นของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะ ต้องไม่อยู่ตรงโค้งของทางสัญจรที่มีรัศมีความโค้งน้อยกว่า 1,000 เมตร และจะต้องห่างจากจุดเริ่มต้นของโค้งดังกล่าวไม่น้อยกว่า 50 เมตร ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 3 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

 

(4) จุดเริ่มต้นของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะ ต้องห่างจากจุดเริ่มโค้งของทางแยกที่อยู่ฝั่งเดียวกันไม่น้อยกว่า 50 เมตร ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 4 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

 

(5) จุดเริ่มต้นของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะ ต้องไม่อยู่ตรงโค้งตั้งของทางสัญจรที่มีความลาดชันด้านใดด้านหนึ่งเกิน 1 ต่อ 25 ขึ้นไป และต้องไม่อยู่บนทางสัญจรที่มีความลาดชัน เกิน 1 ต่อ 25 ขึ้นไป ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 5 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

 

ในกรณีที่ทางสัญจรมีความลาดชันด้านใดด้านหนึ่งตั้งแต่ 1 ต่อ 50 ถึง 1 ต่อ 25 จุดเริ่มต้นของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะต้องไม่อยู่ตรงโค้งตั้ง และต้องห่างจากจุดเริ่มต้นโค้งตั้งของทางสัญจรดังกล่าวไม่น้อยกว่า 150 เมตร ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 6 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

 

(6) จุดเริ่มต้นของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะ ต้องห่างจากจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของเชิงลาดสะพานที่มีความลาดชันด้านใดด้านหนึ่งเกิน 1 ต่อ 50 ที่อยู่ในเส้นทางเดียวกันไม่น้อยกว่า 50 เมตร ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 7 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

 

(7) จุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของเชิงลาดสะพานให้วัดจากจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของเชิงลาดของทางส่วนที่เชื่อมกับสะพานที่มีความลาดชันตั้งแต่ 1 ต่อ 50 ไม่น้อยกว่า 50 เมตร หากมีความลาดชันไม่เกิน 1 ต่อ 50 ให้วัดจากคอสะพาน ดังตัวอย่างภาพประกอบที่ 8 ท้ายกฎกระทรวงนี้

 

 

คลังน้ำมันที่มีทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะที่ผ่านการพิจารณาด้านความปลอดภัยและได้รับอนุญาตให้เชื่อมทางตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงแล้ว ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยระยะห่างระหว่างจุดเริ่มต้นของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะที่เชื่อมต่อกับทางสัญจรและลักษณะของทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะตาม (2) (3) (4) (5) (6) และ (7)

ข้อ 22 คลังน้ำมันเพื่อการใช้เองต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับความยินยอมให้ทำทางเชื่อมกับทางสัญจรเพื่อใช้เป็นทางเข้าและทางออกสำหรับยานพาหนะจากเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจอนุญาตหรือเจ้าของทางสัญจรด้วย

หมวด 3

ลักษณะและระยะปลอดภัยภายใน

--------------------------

ข้อ 23 การตั้งถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่เหนือพื้นดินต้องมีระยะปลอดภัย ดังต่อไปนี้

(1) ระยะปลอดภัยโดยรอบถังที่เก็บน้ำมันชนิดไวไฟมาก ชนิดไวไฟปานกลาง และชนิดไวไฟน้อยที่มีจุดวาบไฟไม่เกิน 93 องศาเซลเซียส ให้เป็นไปตามตารางดังต่อไปนี้

รายละเอียด

ระยะปลอดภัยต่ำสุด (เมตร)

ถังตามแนวตั้ง

ถังตามแนวนอน

 

ก. ระยะห่างระหว่าง ถังกับเขตที่ดิน

30

30

 

ข. ระยะห่างระหว่าง ถังกับอาคาร

20

20

 

ค. ระยะห่างระหว่าง ถังกับถัง

- ถังที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 10 เมตร ต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า
1/2 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของถังใบใหญ่

- ถังที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกิน 10 เมตร ต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า 1/2 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของ ถังใบใหญ่ และต้องไม่น้อยกว่า 10 เมตร แต่หากระยะห่างดังกล่าว เกิน 15 เมตร จะใช้ระยะห่าง ไม่น้อยกว่า 15 เมตร ก็ได้

ไม่น้อยกว่า 1/3 ของผลบวกของเส้นผ่าศูนย์กลางของถังที่ติดกัน

 

ง. ระยะห่างระหว่าง ถังกับขอบด้านในของ เขื่อน กำแพง หรือ บ่อเก็บกักน้ำมัน

ไม่น้อยกว่า 1/2 ของความสูงของถัง

ไม่น้อยกว่า 1/2 ของความสูงของถัง

 

 

จ. ระยะห่างระหว่าง ถังกับสันเขื่อน ด้านนอก กรณีมีกลุ่ม ถังสองกลุ่มติดกัน

15

15

 

ฉ. ระยะห่างระหว่าง ถังกับแท่นจ่ายน้ำมัน

ไม่น้อยกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของถัง หรือถังใบใหญ่ในกรณีที่มีหลายถัง แต่ต้องไม่น้อยกว่า 6 เมตร แต่หาก ระยะห่างดังกล่าวเกิน 15 เมตร จะใช้ระยะห่างไม่น้อยกว่า 15 เมตร ก็ได้

ไม่น้อยกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของถัง หรือถังใบใหญ่ในกรณีที่มีหลายถัง แต่ต้องไม่น้อยกว่า 6 เมตร แต่หากระยะห่างดังกล่าวเกิน 15 เมตร จะใช้ระยะห่างไม่น้อยกว่า 15 เมตร ก็ได้

 

ช. ระยะห่างระหว่างสันเขื่อนด้านในกับเขตที่ดินหรือแหล่งจุดติดไฟถาวร

15

15

 

ซ. ระยะห่างระหว่างถังกับส่วนของกระบวนการผลิตในโรงกลั่นน้ำมัน

30

30

 

ฌ. ระยะห่างระหว่างจุดรับหรือจุดจ่ายน้ำมันกับอาคารเขตที่ดิน แหล่งจุดติดไฟถาวร หรือ ส่วนของระบวนการผลิตในโรงกลั่นน้ำมัน

15

15

 

หมายเหตุ   1. ถังที่เก็บน้ำมันชนิดไวไฟน้อยที่มีจุดวาบไฟเกิน 93 องศาเซลเซียส แต่ตั้งถังไว้ในกลุ่มเดียวกับถังในตาราง ให้มีระยะปลอดภัยตามตารางข้างต้น

                  2.   อาคารตาม ข. ไม่รวมถึงอาคารโรงสูบน้ำมัน อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย อาคารอุปกรณ์เครื่องวัดและอาคารอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา และอาคารเหล่านี้ต้องก่อสร้างด้วยวัสดุถาวร และทนไฟเป็นส่วนใหญ่ และต้องไม่ใช้เป็นอาคารสำนักงานหรือที่พักอาศัย

                  3.   ระยะห่างระหว่างถังกับถังตาม ค. ในกรณีที่ถังตามแนวตั้งและถังตามแนวนอนอยู่ติดกันให้ใช้ระยะห่างมากที่สุดที่คํานวณได้เป็นเกณฑ์

(2) ระยะปลอดภัยโดยรอบถังที่เก็บน้ำมันชนิดไวไฟน้อยที่มีจุดวาบไฟเกิน 93 องศาเซลเซียส ให้เป็นไปตามตารางดังต่อไปนี้

รายละเอียด

ระยะปลอดภัยต่ำสุด (เมตร)

ก. ระยะห่างระหว่างถังกับเขตที่ดิน

4.50

ข. ระยะห่างระหว่างถังกับอาคาร

4.50

ค. ระยะห่างระหว่างถังกับถัง

1.50

ง. ระยะห่างระหว่างถังกับขอบด้านนอกของเขื่อน กำแพง หรือ บ่อเก็บกักน้ำมัน

3

 

จ. ระยะห่างระหว่างถังกับขอบด้านในของเขื่อน กำแพง หรือ บ่อเก็บกักน้ำมัน

1.50

ฉ. ระยะห่างระหว่างถังกับส่วนของกระบวนการผลิตในโรงกลั่นน้ำมัน

4.50

หมายเหตุ อาคารตาม ข. ไม่รวมถึงอาคารโรงสูบน้ำมัน อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย อาคารอุปกรณ์เครื่องวัด และ อาคารอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา และอาคารเหล่านี้ต้องก่อสร้างด้วยวัสดุถาวรและทนไฟเป็นส่วนใหญ่ และต้องไม่ใช้เป็นอาคารสำนักงานหรือที่พักอาศัย

(3) บริเวณถังหรือกลุ่มถังเก็บน้ำมันและแท่นจ่ายน้ำมันต้องทำรั้วล้อมรอบด้วยวัสดุที่แข็งแรง และไม่ติดไฟ มีความสูงไม่น้อยกว่า 3 เมตร และมีระยะห่างจากถังเก็บน้ำมันและแท่นจ่ายน้ำมัน ไม่น้อยกว่า 15 เมตร รั้วต้องมีประตูทำด้วยวัสดุที่แข็งแรงและไม่ติดไฟ

(4) ถังหรือกลุ่มถังเก็บน้ำมันต้องมีเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันล้อมรอบ โดยเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

(ก) มีขนาดพอที่จะเก็บน้ำมันของถังใบที่ใหญ่ที่สุด และมีความมั่นคงแข็งแรง

(ข) มีความสูงไม่เกิน 3 เมตร โดยวัดจากขอบบนสันเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันด้านนอก เว้นแต่สภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยจะมีความสูงเกิน 3 เมตร ก็ได้ แต่ต้องได้รับการตรวจสอบและเห็นชอบจากกรมธุรกิจพลังงาน

(ค) ถังที่เก็บน้ำมันชนิดไวไฟมากที่ตั้งเป็นกลุ่มถังภายในเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมัน หากถังมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกิน 45 เมตร ต้องทำเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันย่อยซึ่งสูงไม่น้อยกว่า 0.45 เมตร แต่ไม่เกิน 3 เมตร เพื่อกั้นถังนั้น โดยมีปริมาณความจุไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของปริมาณความจุของถังเก็บน้ำมัน สำหรับถังที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 45 เมตร จะทำเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันย่อยกั้นถังนั้นก็ได้

(ง) กรณีที่เขื่อนเป็นเขื่อนดินที่มีความสูงมากกว่า 0.90 เมตร ต้องมีส่วนบนเรียบและมีความกว้างไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร

(จ) พื้นภายในบริเวณเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันต้องมีความลาดเอียงออกจากถังเก็บน้ำมันไม่น้อยกว่า 1 ใน 100 ไปที่ผนังเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมัน หรือรางระบายน้ำ หากสภาพพื้นภายในบริเวณเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันเป็นพื้นดิน ต้องทำการบดอัดดินให้มีความแน่นสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบห้า Modified Proctor Density

(ฉ) ในกรณีที่สภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยให้สามารถสร้างเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันล้อมรอบถังเก็บน้ำมันได้ ให้สามารถสร้างเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันห่างจากถังเก็บน้ำมันได้ โดยการวางท่อหรือรางระบายน้ำมัน โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมธุรกิจพลังงานและมีลักษณะ ดังต่อไปนี้

1) ท่อหรือรางระบายน้ำมันต้องออกแบบให้ระบายน้ำมันในอัตราไหลไม่น้อยกว่าอัตราไหลสูงสุดของเครื่องสูบน้ำมันที่สูบน้ำมันเข้าถังที่อยู่ในเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันนั้น

2) ท่อหรือรางระบายน้ำมันต้องมีความลาดเอียงออกจากถังเก็บน้ำมันไม่น้อยกว่า 1 ใน 100 เป็นระยะไม่น้อยกว่า 15 เมตร

3) ขอบสันเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันด้านในต้องห่างจากเขตที่ดินแหล่งจุดติดไฟถาวร หรือส่วนของกระบวนการผลิตในโรงกลั่นน้ำมันไม่น้อยกว่า 15 เมตร

4) เขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันต้องสามารถเก็บกักน้ำมันไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าของปริมาตรของถังใบใหญ่ที่สุด

(ช) การระบายน้ำออกจากเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันไปสู่ระบบบําบัดหรือแยกน้ำปนเปื้อนน้ำมัน ต้องจัดให้มีลิ้นปิดเปิดที่มีขนาดเพียงพอต่อการระบายน้ำโดยแสดงรายละเอียดไว้ในแผนผังบริเวณ และลิ้นปิดเปิดต้องปิดอยู่ตลอดเวลา จะเปิดเมื่อมีการระบายน้ำเท่านั้น

(5) การตั้งถังเก็บน้ำมัน หากตั้งเป็นกลุ่มถัง ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) ตั้งถังเก็บน้ำมันเป็นแถวไม่เกินสองแถวภายในกลุ่มถัง และต้องมีถนนรวมไหล่ทางกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร เพื่อให้รถดับเพลิงเข้าไปดับเพลิงบริเวณถังเก็บน้ำมันในแถวที่สองได้

(ข) กลุ่มถังเก็บน้ำมันชนิดหลังคาลอยหรือชนิดหลังคาลอยภายใน กลุ่มถังหนึ่งให้มีปริมาณความจุรวมกันไม่เกิน 120 ล้านลิตร เว้นแต่ในกลุ่มถังมีถังเก็บน้ำมันไม่เกินสามถัง ให้มีปริมาณความจุเพิ่มได้อีกไม่เกินหนึ่งเท่า

(ค) กลุ่มถังเก็บน้ำมันชนิดหลังคาติดตาย กลุ่มถังหนึ่งให้มีปริมาณความจุรวมกันไม่เกิน 60 ล้านลิตร เว้นแต่ในกลุ่มถังมีถังเก็บน้ำมันไม่เกินสามถัง ให้มีปริมาณความจุเพิ่มได้อีกไม่เกินหนึ่งเท่า

(ง) กลุ่มถังที่เก็บน้ำมันดิบ ห้ามมิให้เก็บร่วมกับถังที่เก็บน้ำมันชนิดอื่น ๆ และหากถังใดถังหนึ่งมีปริมาณความจุเกิน 60 ล้านลิตร ให้มีถังได้ไม่เกินสองถัง การเก็บน้ำมันในกลุ่มถังตาม (ข) และ (ค) รวมกันในกลุ่มถังเดียวกัน ให้เก็บได้ตามหลักเกณฑ์ตาม (ค)

ข้อ 24 การตั้งถังเก็บน้ำมันใต้พื้นดินให้มีระยะห่างจากเขตคลังน้ำมันและอาคารไม่น้อยกว่า 3 เมตร และให้มีระยะห่างระหว่างถังกับถังไม่น้อยกว่า 1 เมตร

ข้อ 25 ภายในเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมัน ห้ามมิให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำมันที่ใช้สำหรับรับหรือจ่ายน้ำมัน จุดรับหรือจุดจ่ายน้ำมัน และห้ามมิให้เก็บวัสดุหรืออุปกรณ์ใด ๆ

ข้อ 26 ให้ติดตั้งสะพานข้ามแนวท่อ หรือเขื่อนหรือกำแพงเก็บกักน้ำมัน ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) ท่อที่มีความสูงเกิน 0.50 เมตร

(2) เขื่อนหรือกำแพงเก็บกักน้ำมันที่มีความสูงเกิน 0.90 เมตร

(3) เขื่อนดินที่มีความสูงเกิน 2 เมตร

สะพานตามวรรคหนึ่ง ต้องมีความมั่นคงแข็งแรง ใช้วัสดุที่แข็งแรงและไม่ติดไฟ โดยติดตั้งอย่างน้อยสองจุดในตำแหน่งตรงข้ามกัน และตั้งอยู่ใกล้กับหัวจ่ายน้ำดับเพลิง

ให้ติดตั้งบันไดขึ้นลงบ่อเก็บกักน้ำมัน โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับการติดตั้งสะพานตามวรรคสอง

ข้อ 27 ภายในกลุ่มถังเก็บน้ำมัน หากมีการเก็บผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย

ข้อ 28 ห้ามมิให้ติดตั้งถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ไว้ในอาคาร เว้นแต่ถังที่ใช้เก็บน้ำมันชนิดไวไฟน้อยที่มีจุดวาบไฟเกิน 93 องศาเซลเซียส ให้เก็บไว้ในอาคารได้แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมธุรกิจพลังงาน

ข้อ 29 การตั้งกระป๋องน้ำมัน ถังน้ำมัน หรือถังเก็บน้ำมันขนาดเล็กในเขตคลังน้ำมันต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1) ห้ามมิให้เก็บน้ำมันชนิดไวไฟมากไว้ในอาคาร

(2) การเก็บน้ำมันชนิดไวไฟปานกลางหรือชนิดไวไฟน้อยไว้ในอาคารเก็บน้ำมัน ให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

(ก) อาคารเก็บน้ำมันต้องมีความสูงไม่เกินสองชั้น ก่อสร้างด้วยวัสดุถาวรและทนไฟเป็นส่วนใหญ่ ในกรณีที่เป็นอาคารไม่มีผนัง อาคารต้องห่างจากเขตคลังน้ำมัน อาคารเก็บน้ำมันอื่น หรืออาคารอื่น ๆ ไม่น้อยกว่า 15 เมตร ในกรณีที่เป็นอาคารมีผนัง ต้องมีประตูเข้าออกเป็นชนิดที่มีอุปกรณ์ให้ประตูปิดเอง โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ระยะเวลาทนไฟของผนังอาคารและประตู ตลอดจนระยะปลอดภัยของอาคารให้เป็นไปตามที่กำหนดในตารางดังต่อไปนี้

ชนิด

ของน้ำมัน

ระยะเวลาทนไฟของ ผนังอาคาร

ระยะเวลาทนไฟของประตู

ระยะปลอดภัยของอาคารเก็บน้ำมันกับเขตคลังน้ำมัน อาคารเก็บน้ำมันอื่น หรืออาคารอื่น ๆ

ชนิดไวไฟ

ปานกลาง

ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง

ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง

ไม่น้อยกว่า 3 เมตร

ชนิดไวไฟน้อย

ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง

ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง

30 นาที

ไม่น้อยกว่า 3 เมตร

(ข) อาคารเก็บน้ำมันต้องมีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักบรรทุกในอัตราสูงสุด รวมทั้งน้ำหนักอื่น ๆ ที่อาจจะกระทำต่ออาคารเก็บน้ำมันได้โดยปลอดภัย

(ค) บริเวณที่ตั้งกระป๋องน้ำมันหรือถังน้ำมัน ต้องมีขอบกั้นล้อมรอบสูงไม่น้อยกว่า 0.10 เมตร เพื่อป้องกันมิให้น้ำมันรั่วไหล และต้องจัดให้มีการระบายน้ำออกอย่างเพียงพอ

(ง) การตั้งกระป๋องน้ำมัน ถังน้ำมัน หรือถังเก็บน้ำมันขนาดเล็กไว้ในอาคารเก็บน้ำมันที่ไม่ใช่อาคารเก็บน้ำมันโดยเฉพาะตาม (จ) และ (ฉ) ให้เป็นไปตามตารางดังต่อไปนี้

การตั้งกระป๋องน้ำมันหรือถังน้ำมัน

ชนิด

ของน้ำมัน

ปริมาณ น้ำมัน

แต่ละกลุ่ม ภาชนะ

บรรจุน้ำมัน (ลิตร)

ปริมาณ

น้ำมันรวม (ลิตร)

ระยะปลอดภัยวัดจากผิวภาชนะ (เมตร)

ระยะห่างจากเขตคลังน้ำมัน อาคารเก็บ

น้ำมันอื่น หรืออาคารอื่น ๆ

ระยะห่าง ระหว่าง

กลุ่มกับกลุ่มภาชนะ

บรรจุน้ำมัน

ระยะห่าง ระหว่าง

กลุ่มภาชนะ บรรจุน้ำมัน กับอาคาร เก็บน้ำมัน

ระยะห่าง จากคาน

หรือเพดาน

ความสูงของการตั้ง

 

ชนิดไวไฟ ปานกลาง

ไม่เกิน

38,000

ไม่เกิน

100,000

ไม่น้อยกว่า 7.50

ไม่น้อยกว่า 1.20

ไม่น้อยกว่า 2.40

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

3

ชนิดไวไฟ น้อย

ไม่เกิน

57,000

ไม่เกิน

200,000

ไม่น้อยกว่า 3

ไม่น้อยกว่า 1.20

ไม่น้อยกว่า 2.40

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

6

 

การตั้งถังเก็บน้ำมันขนาดเล็ก

ชนิด

ของน้ำมัน

ปริมาณ น้ำมัน

แต่ละกลุ่ม ภาชนะ

บรรจุน้ำมัน (ลิตร)

ปริมาณ

น้ำมันรวม (ลิตร)

ระยะปลอดภัยวัดจากผิวภาชนะ (เมตร)

ระยะห่างจากเขตคลังน้ำมัน อาคารเก็บ

น้ำมันอื่น หรืออาคารอื่น ๆ

ระยะห่าง ระหว่าง

กลุ่มกับกลุ่มภาชนะ

บรรจุน้ำมัน

ระยะห่าง ระหว่าง

กลุ่มภาชนะ บรรจุน้ำมัน กับอาคาร เก็บน้ำมัน

ระยะห่าง จากคาน

หรือเพดาน

ความสูงของการตั้ง

 

ชนิดไวไฟ ปานกลาง

ไม่เกิน

150,000

ไม่เกิน

300,000

ไม่น้อยกว่า 7.50

ไม่น้อยกว่า 1.20

ไม่น้อยกว่า 2.40

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

4

ชนิดไวไฟ น้อย

ไม่เกิน

200,000

ไม่เกิน

380,000

ไม่น้อยกว่า 3

ไม่น้อยกว่า 1.20

ไม่น้อยกว่า 2.40

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

4

(จ) การตั้งกระป๋องน้ำมัน ถังน้ำมัน หรือถังเก็บน้ำมันขนาดเล็กไว้ในอาคารเก็บน้ำมันโดยเฉพาะ ให้เป็นไปตามตารางใน (ง) แต่ไม่จํากัดปริมาณน้ำมันรวม

(ฉ) อาคารเก็บน้ำมันโดยเฉพาะที่มีระบบดับเพลิงตามมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา การตั้งกระป๋องน้ำมัน ถังน้ำมัน หรือถังเก็บน้ำมันขนาดเล็กไว้ในอาคารดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

(3) การเก็บน้ำมันชนิดไวไฟมาก ชนิดไวไฟปานกลาง หรือชนิดไวไฟน้อยไว้นอกอาคารให้เป็นไปตามตารางดังต่อไปนี้

ชนิด

ของน้ำมัน

ภาชนะ

บรรจุน้ำมัน

ปริมาณ น้ำมัน

แต่ละกลุ่ม ภาชนะ

บรรจุน้ำมัน (ลิตร)

ระยะปลอดภัยวัดจากผิวภาชนะ (เมตร)

ระยะห่างจากเขตคลังน้ำมัน อาคารเก็บ

น้ำมันอื่น หรืออาคารอื่น ๆ

ระยะห่าง ระหว่างกลุ่มกับกลุ่มภาชนะ

บรรจุน้ำมัน

ความยาวกลุ่มภาชนะ บรรจุน้ำมัน

ระยะห่าง จากคาน

หรือเพดาน

ความสูงของการตั้ง

 

ชนิดไวไฟมาก

ถังน้ำมัน

ไม่เกิน

4,000

ไม่น้อยกว่า 20

ไม่น้อยกว่า 1.50

ไม่เกิน

60

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

3

ถังเก็บน้ำมัน

ขนาดเล็ก

ไม่เกิน

15,000

ไม่น้อยกว่า 20

ไม่น้อยกว่า 1.50

ไม่เกิน

60

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

4

ชนิดไวไฟ

ปานกลาง

กระป๋องน้ำมันหรือถังน้ำมัน

ไม่เกิน

33,000

ไม่น้อยกว่า

7.5

ไม่น้อยกว่า 1.50

ไม่เกิน

60

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

4

ถังเก็บน้ำมัน

ขนาดเล็ก

ไม่เกิน

66,000

ไม่น้อยกว่า

7.5

ไม่น้อยกว่า 1.50

ไม่เกิน

60

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

3

ชนิดไวไฟน้อย

กระป๋องน้ำมันหรือถังน้ำมัน

ไม่เกิน

83,000

ไม่น้อยกว่า

3

ไม่น้อยกว่า 1.50

ไม่เกิน

60

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

5

ถังเก็บน้ำมัน

ขนาดเล็ก

ไม่เกิน

17,000

ไม่น้อยกว่า

3

ไม่น้อยกว่า 1.50

ไม่เกิน

60

ไม่น้อยกว่า 0.90

ไม่เกิน

4

(4) การเก็บน้ำมันหลายชนิดไว้ภายในอาคารเก็บน้ำมันเดียวกัน หรือในกลุ่มเดียวกัน ในกรณีตั้งอยู่นอกอาคาร ปริมาณการจัดเก็บและระยะปลอดภัยให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของน้ำมันชนิดที่ไวไฟสูงกว่า

(5) บริเวณที่ตั้งกระป๋องน้ำมัน ถังน้ำมัน หรือถังเก็บน้ำมันขนาดเล็กไว้นอกอาคาร ต้องมีขอบกั้นล้อมรอบสูงไม่น้อยกว่า 0.10 เมตร เพื่อป้องกันมิให้น้ำมันรั่วไหล และต้องจัดให้มีการระบายน้ำออกอย่างเพียงพอ

หมวด 4

ถังเก็บน้ำมันและอุปกรณ์

--------------------------

ข้อ 30 ถังเก็บน้ำมันต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้

(1) ตัวถังต้องทำด้วยเหล็ก

(2) แผ่นเหล็กและเหล็กโครงสร้างที่นำมาใช้สร้างถังต้องได้รับการรับรองว่าได้มาตรฐานสากล

(3) แผ่นเหล็กผนังถังต้องมีค่าความเค้นคราก (yield stress) ไม่น้อยกว่า 206 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร

(4) ค่าความถ่วงจําเพาะของน้ำมันที่ใช้ในการออกแบบ ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่ง แต่ถ้าค่าความถ่วงจําเพาะมากกว่าหนึ่งจะต้องใช้ค่าความถ่วงจําเพาะที่แท้จริงในการคํานวณออกแบบ

ถังเก็บน้ำมันที่ทำด้วยวัสดุอื่น ต้องมีมาตรฐานตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

ข้อ 31 ถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้

(1) มีลักษณะตามข้อ 30

(2) ฐานรองรับถังต้องมีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักของตัวถังและน้ำหนักบรรจุในอัตราสูงสุด รวมทั้งน้ำหนักอื่น ๆ ที่อาจจะกระทำต่อตัวถังนั้นได้โดยปลอดภัย

(3) ถังที่มีปริมาณความจุตั้งแต่ 100,000 ลิตร ขึ้นไป ต้องแสดงผลสำรวจคุณสมบัติของดินในบริเวณที่ก่อสร้างถังไม่น้อยกว่าสองจุด เพื่อประกอบการคํานวณความมั่นคงแข็งแรงของฐานรากรองรับถัง

(4) ต้องแสดงข้อมูลทางวิศวกรรมให้สามารถตรวจสอบได้ว่าจะไม่เกิดความเสียหายต่อถังในกรณีที่มีการรับหรือจ่ายน้ำมันเข้าหรือออกจากถัง หรือมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภายในถัง

(5) ท่อระบายอากาศของถังต้องออกแบบให้มีความดันไม่เกิน 7.5 มิลลิบาร์ และความดันสุญญากาศไม่เกิน 2.5 มิลลิบาร์

ถังเก็บผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่น้ำมัน หากจะนำมาใช้เป็นถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ต้องทำการทดสอบและตรวจสอบตามมาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

ข้อ 32 ถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ตามแนวตั้ง ให้ระบุข้อความเกี่ยวกับเส้นผ่าศูนย์กลางของถัง ความสูง ความกว้าง ความยาวของถัง ประเภทหรือชนิดของผลิตภัณฑ์ ปริมาณความจุของน้ำมันที่ได้รับอนุญาต วัน เดือน ปี ที่ได้รับอนุญาตครั้งล่าสุด และการทดสอบถังครั้งล่าสุด โดยข้อความนั้นมีขนาดตัวอักษรหรือเครื่องหมายที่เห็นได้ชัดเจนและอ่านได้ง่ายในระยะ 25 เมตร ไว้ที่ด้านข้างของผนังถังด้านนอกอย่างน้อยหนึ่งด้าน

ข้อ 33 ถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ให้บรรจุน้ำมันได้ไม่เกินร้อยละเก้าสิบของปริมาตรถัง

ข้อ 34 เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาคลังน้ำมัน การวัดปริมาณน้ำมันในถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ให้ถือตามปริมาตรถัง ไม่ว่าจะมีน้ำมันอยู่ปริมาณเท่าใดก็ตาม

ข้อ 35 ถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัยเพื่อป้องกันน้ำมันล้นถัง

ข้อ 36 การออกแบบ การประกอบ และการติดตั้งถังเก็บน้ำมัน ให้เป็นไปตามวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

ข้อ 37 ในกรณีพื้นที่ใดอยู่ในเขตที่อาจได้รับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร การออกแบบสิ่งก่อสร้างถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีปริมาณความจุเกิน 100,000 ลิตร ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารด้วย

ข้อ 38 ถังเก็บน้ำมันจะต้องทำการทดสอบและตรวจสอบก่อนการใช้งานและเมื่อใช้งานครบหนึ่งปีและสิบห้าปี

การทดสอบและตรวจสอบก่อนการใช้งาน ให้เป็นไปตามวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในราชกิจจานุเบกษา

การทดสอบและตรวจสอบเมื่อใช้งานครบหนึ่งปีและสิบห้าปี ให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการซ่อมบํารุงถังเก็บน้ำมันและถังขนส่งน้ำมัน

ข้อ 39 ผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องยื่นรายละเอียดของอุปกรณ์เกี่ยวกับลิ้นปิดเปิด ระบบอุปกรณ์สำหรับดับเพลิง และอุปกรณ์นิรภัยต่าง ๆ ที่ติดตั้งไว้กับถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ให้กรมธุรกิจพลังงานพิจารณาอนุญาตก่อนเก็บน้ำมัน

การตรวจสอบภายหลังการติดตั้งอุปกรณ์ตามวรรคหนึ่ง ต้องดำเนินการโดยผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตั้งแต่ระดับสามัญวิศวกรขึ้นไปตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกรอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องเก็บรายงานการตรวจสอบไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งปีให้กรมธุรกิจพลังงานสามารถเรียกตรวจสอบได้

ข้อ 40 การทดสอบและตรวจสอบถังเก็บน้ำมัน ต้องดำเนินการโดยผู้ทดสอบและตรวจสอบตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติของผู้ทดสอบและตรวจสอบน้ำมัน และผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการทดสอบและตรวจสอบน้ำมัน และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการทดสอบและตรวจสอบน้ำมัน โดยผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องเก็บรักษาบันทึกผลการทดสอบและตรวจสอบไว้ให้กรมธุรกิจพลังงานสามารถเรียกตรวจสอบได้เป็นระยะเวลาหนึ่งปี

ในกรณีที่ยังไม่มีผู้ทดสอบและตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง ให้ทำการทดสอบและตรวจสอบโดยผู้ประกอบกิจการควบคุมซึ่งอยู่ในการควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่

หมวด 5

ระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์

--------------------------

ข้อ 41 ระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์ที่ใช้กับถังเก็บน้ำมันต้องมีลักษณะและวิธีการติดตั้ง ดังต่อไปนี้

(1) ต้องออกแบบและก่อสร้างให้สามารถรับแรงและน้ำหนักต่าง ๆ ที่มากระทำต่อระบบท่อได้โดยปลอดภัย

(2) ท่อที่นำมาใช้ในระบบท่อน้ำมันต้องทำด้วยเหล็กกล้า หรือทำด้วยวัสดุอื่นที่มีมาตรฐานเทียบเท่าตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

(3) ระบบท่อน้ำมันที่ต่อกับเครื่องสูบน้ำมันต้องจัดให้มีลิ้นปิดเปิดสำหรับท่อทางเข้าและท่อทางออกจากเครื่องสูบน้ำมันเพื่อหยุดการสูบน้ำมันในกรณีฉุกเฉิน

(4) การติดตั้งระบบท่อน้ำมันเหนือพื้นดินต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(ก) ท่อต้องวางอยู่บนฐานรองรับที่ทำด้วยคอนกรีตหรือคานเหล็กที่มีความมั่นคงแข็งแรงเหนือพื้นดิน และมีระยะสูงจากพื้นดินเพียงพอเพื่อป้องกันการกัดกร่อน

(ข) มีการป้องกันมิให้ยานพาหนะหรือสิ่งอื่นมากระทำให้เกิดการชํารุดเสียหายต่อระบบท่อน้ำมัน และมีการป้องกันมิให้เกิดการกัดกร่อน

(ค) ท่อที่วางไว้เหนือพื้นดินและพาดผ่านทางสัญจร ให้แสดงระยะความสูงจากพื้นผิวจราจรถึงจุดต่ำสุดของท่อ โครงสร้าง หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ของท่อนั้น

(5) การติดตั้งระบบท่อน้ำมันใต้พื้นดินต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(ก) ท่อที่ใช้ต้องเป็นท่อที่มีความต้านทานการกัดกร่อน หรือมีการป้องกันการกัดกร่อน

(ข) จัดให้มีเครื่องหมายแสดงแนววางท่ออย่างชัดเจน

(ค) ในกรณีที่มีการติดตั้งลิ้นปิดเปิดหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ใต้พื้นดิน ต้องติดตั้งให้สามารถตรวจสอบและบำรุงรักษาได้โดยสะดวก

(6) วัสดุที่ใช้ในระบบท่อน้ำมัน เช่น ลิ้นปิดเปิด ปะเก็น วัสดุป้องกันการรั่วซึม ต้องเป็นชนิดที่ใช้กับน้ำมันโดยเฉพาะ และไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำมัน

ข้อ 42 แท่นจ่ายน้ำมัน และจุดรับหรือจุดจ่ายน้ำมันต้องติดตั้งระบบป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าสถิตตามกฎกระทรวงว่าด้วยระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าของสถานที่ประกอบกิจการน้ำมัน

ข้อ 43 ลิ้นปิดเปิด อุปกรณ์ ท่ออ่อน และเครื่องสูบน้ำมันที่ติดตั้งกับระบบท่อน้ำมัน ผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องแสดงรายละเอียดและทำการตรวจสอบเช่นเดียวกับข้อ 39

ข้อ 44 ระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์ต้องทำการทดสอบและตรวจสอบก่อนการใช้งาน และเมื่อใช้งานครบสิบห้าปี

การทดสอบและตรวจสอบก่อนการใช้งาน ให้เป็นไปตามวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

การทดสอบและตรวจสอบเมื่อใช้งานครบสิบห้าปี ให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการซ่อมบำรุงถังเก็บน้ำมันและถังขนส่งน้ำมัน

ข้อ 45 การทดสอบและตรวจสอบระบบท่อน้ำมันและอุปกรณ์ ต้องดำเนินการโดยผู้ทดสอบและตรวจสอบตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติของผู้ทดสอบและตรวจสอบน้ำมัน และผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องเก็บรักษาบันทึกผลการทดสอบและตรวจสอบไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งปีให้กรมธุรกิจพลังงานสามารถเรียกตรวจสอบได้

ในกรณีที่ยังไม่มีผู้ทดสอบและตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง ให้ทำการทดสอบและตรวจสอบโดยผู้ประกอบกิจการควบคุมซึ่งอยู่ในการควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่

หมวด 6

การป้องกันและระงับอัคคีภัย

--------------------------

ข้อ 46 คลังน้ำมันต้องติดตั้งระบบท่อน้ำดับเพลิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร หรือเท่ากับขนาดของท่อน้ำประปาสำหรับดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องมีหัวท่อจ่ายน้ำดับเพลิงไม่น้อยกว่าสองจุด

ในกรณีที่คลังน้ำมันมีระบบท่อน้ำดับเพลิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 200 มิลลิเมตร จะต้องติดตั้งท่อรับน้ำจากภายนอกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร หรือเท่ากับ ขนาดของท่อน้ำประปาสำหรับดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องมีหัวท่อรับไม่น้อยกว่าสองหัวพร้อมทั้งต้องจัดให้มีข้อต่อเพื่อรับน้ำดับเพลิงให้มีชนิดเดียวกับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย

ข้อ 47 คลังน้ำมันต้องมีเครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งหรือน้ำยาดับเพลิง ขนาดบรรจุไม่น้อยกว่า 6.80 กิโลกรัม และมีความสามารถในการดับเพลิงไม่น้อยกว่า 3A 40B ตามมาตรฐานระบบป้องกันอัคคีภัยของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่าตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ติดตั้งไว้ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

(1) อาคารเก็บน้ำมันต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าสองเครื่องต่อพื้นที่ 200 ตารางเมตร เศษของ 200 ตารางเมตร ให้คิดเป็น 200 ตารางเมตร

(2) อาคารบรรจุผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของน้ำมันชนิดไวไฟปานกลางต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าสี่เครื่องต่อพื้นที่ 200 ตารางเมตร สำหรับน้ำมันชนิดไวไฟน้อย ต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าหนึ่งเครื่องต่อพื้นที่ 200 ตารางเมตร เศษของ 200 ตารางเมตร ให้คิดเป็น 200 ตารางเมตร

(3) บริเวณที่ตั้งเครื่องสูบน้ำมันต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าหนึ่งเครื่องต่อจำนวนเครื่องสูบน้ำมันสองเครื่อง กรณีมีเครื่องสูบน้ำมันมากกว่าแปดเครื่อง จะต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าสี่เครื่อง

(4) บริเวณแท่นจ่ายน้ำมันหรือจุดรับน้ำมันต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าหนึ่งเครื่องต่อจุดรับหรือจ่ายน้ำมันสองช่อง

(5) บริเวณจุดรับหรือจ่ายน้ำมันโดยรถไฟขนส่งน้ำมันต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าหนึ่งเครื่องต่อความยาวระหว่างช่องรับหรือจ่ายน้ำมันไม่เกิน 30 เมตร

(6) บริเวณท่าเรือที่รับหรือจ่ายน้ำมันต้องมีเครื่องดับเพลิงไม่น้อยกว่าสองเครื่องต่อจุดรับหรือจ่ายน้ำมัน และให้มีเครื่องดับเพลิงขนาดบรรจุสารเคมีไม่น้อยกว่า 50 กิโลกรัม อีกหนึ่งเครื่องต่อจุดรับหรือจ่ายน้ำมัน

(7) การติดตั้งเครื่องดับเพลิง ให้ติดตั้งโดยรอบบริเวณคลังน้ำมันในที่ที่สามารถมองเห็นและนำไปใช้งานได้โดยสะดวก

ข้อ 48 คลังน้ำมันต้องจัดให้มีโฟมเข้มข้นที่นำมาใช้เป็นสารละลายโฟมได้ตลอดเวลาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1) จำนวนสารละลายโฟมที่ต้องฉีดเข้าถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ให้คํานวณจากชนิดของถังและชนิดของน้ำมันตามที่กำหนดในตารางดังต่อไปนี้

ชนิดของถัง

ชนิดของน้ำมัน

อัตราการใช้สารละลายโฟม

(ลิตรต่อนาทีต่อตารางเมตร)

พื้นที่

ที่ใช้ในการคำนวณ (ตารางเมตร)

เวลาที่ใช้

ในการคำนวณ

(นาที)

 

ชนิดหลังคาติดตาย

ชนิดไวไฟมาก

 

4.1

 

พื้นที่หน้าตัดของถัง

55

ชนิดไวไฟปานกลาง หรือชนิดไวไฟน้อย

 

 

30

ชนิดหลังคาลอย

ทุกชนิด

12.2

พื้นที่หน้าตัดระหว่างเขื่อนกันโฟมบนหลังคาถังถึงผนังถัง

20

 

 

 

ชนิดหลังคาลอย ภายใน

ชนิดไวไฟมาก

 

4.1

 

พื้นที่หน้าตัดของถัง

55

ชนิดไวไฟปานกลาง หรือชนิดไวไฟน้อย

30

ทุกชนิด

12.2

พื้นที่หน้าตัดระหว่างเขื่อนกันโฟมบนหลังคาถังถึงผนังถัง

กรณีหลังคาลอยภายในทำด้วยเหล็ก

20

 

(2) ปริมาณสารละลายโฟมต้องเติมเต็มท่อโฟม โดยการคํานวณจากขนาดและความยาวรวมของท่อโฟม

(3) ปริมาณสารละลายโฟมที่ใช้สำหรับฉีดเสริมเฉพาะจุดต้องมีอัตราการฉีดสารละลายโฟมไม่น้อยกว่า 189 ลิตรต่อนาที จำนวนอุปกรณ์ฉีดสารละลายโฟมและระยะเวลาในการฉีดสารละลายโฟม ให้เป็นไปตามที่กำหนดในตารางดังต่อไปนี้

ขนาดของถังเก็บน้ำมันกับจำนวนอุปกรณ์ฉีดสารละลายโฟม

เส้นผ่าศูนย์กลางของถัง (เมตร)

จำนวนขั้นต่ำของอุปกรณ์ฉีดสารละลายโฟม (จุด)

ไม่เกิน 19.50

1

เกิน 19.50 - 36

2

เกิน 36

3

 

ขนาดของถังเก็บน้ำมันกับระยะเวลาในการฉีดสารละลายโฟม

เส้นผ่าศูนย์กลางของถัง (เมตร)

จำนวนขั้นต่ำของอุปกรณ์ฉีดสารละลายโฟม (นาที)

ไม่เกิน 10.50

10

เกิน 10.50 - 28.5

20

เกิน 28.5

30

(4) สารละลายโฟมต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมในการดับเพลิงตามชนิดของน้ำมัน

(5) ปริมาณโฟมเข้มข้นที่ต้องจัดเก็บให้คํานวณจากสารละลายโฟมตาม (1) (2) และ (3) ของถังที่ใช้ปริมาณโฟมเข้มข้นสูงสุด

คลังน้ำมันที่มีปริมาณน้ำมันไม่เกิน 120 ล้านลิตร ต้องมีการสำรองโฟมเข้มข้นไว้อีกไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่า

คลังน้ำมันที่มีปริมาณน้ำมันเกิน 120 ล้านลิตร และคลังน้ำมันไม่ว่าจะเก็บน้ำมันในปริมาณเท่าใดที่มีโรงกลั่นน้ำมันตั้งอยู่ติดกัน ต้องมีการสำรองโฟมเข้มข้นไว้อีกไม่น้อยกว่าสามเท่า

(6) การเก็บโฟมเข้มข้นและอุปกรณ์ประกอบที่ใช้ในการดับเพลิง ให้จัดเก็บไว้โดยรอบบริเวณคลังน้ำมันในที่ที่สามารถมองเห็นและนำไปใช้งานได้โดยสะดวก และมีสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้ตลอดเวลา

ข้อ 49 คลังน้ำมันต้องจัดให้มีระบบจ่ายน้ำสำหรับดับเพลิงให้เพียงพอต่อการระงับอัคคีภัย ดังต่อไปนี้

(1) ใช้สำหรับฉีดสารละลายโฟมในข้อ 48

(2) ใช้เป็นน้ำหล่อเย็นโดยต้องมีปริมาณน้ำในอัตราไม่น้อยกว่า 2 ลิตรต่อนาทีต่อตารางเมตร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 120 นาที โดยการคิดคํานวณพื้นที่ของถังเก็บน้ำมัน ให้เป็นไปตามรายละเอียด ดังต่อไปนี้

(ก) ถังเก็บน้ำมันที่มีโอกาสเกิดการใช้น้ำหล่อเย็น ให้คิดคํานวณพื้นที่ของผนังถังและหลังคาถัง และ

(ข) ถังเก็บน้ำมันอื่นที่ตั้งอยู่โดยรอบถังเก็บน้ำมันตาม (ก) ให้คิดเฉพาะพื้นที่ของผนังและหลังคาถังเก็บน้ำมันที่อยู่ในรัศมีหนึ่งเท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางของถังตาม (ก) ในกรณีที่เป็นถังตามแนวตั้ง หรือหนึ่งเท่าของความยาวถังตาม (ก) ในกรณีที่เป็นถังตามแนวนอน ทั้งนี้ การวัดระยะให้วัดจากผนังถังตาม (ก)

(3) ใช้เป็นน้ำดับเพลิงเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตาม (1) และ (2) โดยต้องมีปริมาณน้ำในอัตราไม่น้อยกว่า 1,900 ลิตรต่อนาที เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที

การคํานวณอัตราการจ่ายน้ำตามวรรคหนึ่ง ให้คํานวณตาม (1) (2) และ (3) รวมกันจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นที่ทำให้เกิดปริมาณการใช้น้ำสูงสุด

ข้อ 50 คลังน้ำมันต้องจัดให้มีแหล่งน้ำหรือที่เก็บน้ำ โดยแหล่งน้ำหรือที่เก็บน้ำนั้นต้องมีปริมาณน้ำไม่น้อยกว่าปริมาณการใช้น้ำสูงสุดตามข้อ 49 อยู่ตลอดเวลา

ข้อ 51 ถังเก็บน้ำมันดังต่อไปนี้ ต้องติดตั้งระบบฉีดสารละลายโฟมและระบบน้ำหล่อเย็นหรือหัวฉีดน้ำที่สามารถหล่อเย็นโดยรอบถัง และมีสภาพพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา

(1) ถังเก็บน้ำมันตามแนวตั้งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 6 เมตร ขึ้นไป และเก็บน้ำมันชนิดไวไฟมาก

(2) ถังเก็บน้ำมันตามแนวตั้งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 6 เมตร ขึ้นไป และเก็บน้ำมันชนิดไวไฟปานกลางหรือชนิดไวไฟน้อย ยกเว้นน้ำมันหล่อลื่น และอยู่ในพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมากหรือหนาแน่นปานกลางตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง แต่ในกรณีที่ประกาศเขตพื้นที่ดังกล่าวในภายหลัง ให้ติดตั้งระบบฉีดสารละลายโฟมและระบบน้ำหล่อเย็นหรือหัวฉีดน้ำที่สามารถหล่อเย็นโดยรอบถังโดยเร็ว

(3) ถังเก็บน้ำมันที่ใช้เก็บน้ำมันชนิดไวไฟปานกลางหรือชนิดไวไฟน้อยที่อยู่ในกลุ่มถังเก็บน้ำมันที่ใช้เก็บน้ำมันชนิดไวไฟมากตาม (1)

ข้อ 52 เครื่องสูบน้ำดับเพลิงต้องมีความดันและอัตราการไหลสอดคล้องกับปริมาณการใช้สารละลายโฟม น้ำหล่อเย็น และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบในการดับเพลิงตามที่กำหนดในข้อ 49 และต้องมีเครื่องสูบน้ำดับเพลิงที่ใช้เครื่องยนต์อย่างน้อยหนึ่งเครื่อง โดยมีท่อสำหรับสูบน้ำจากแหล่งน้ำหรือที่เก็บน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร โดยตำแหน่งการปิดเปิดของเครื่องสูบน้ำดับเพลิงต้องอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าไปใช้งานได้โดยสะดวก และมีสภาพพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา และจะต้องทำการตรวจสอบเครื่องสูบน้ำดับเพลิงอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

ข้อ 53 เครื่องสูบน้ำดับเพลิงและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดับเพลิงต้องติดตั้งหรือวางไว้ในตำแหน่งที่ห่างจากแท่นจ่ายน้ำมัน กลุ่มถังเก็บน้ำมัน และจุดรับหรือจ่ายน้ำมันไม่น้อยกว่า 30 เมตร

ข้อ 54 เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งหรือน้ำยาดับเพลิง และน้ำยาโฟมเข้มข้น ต้องตรวจสอบคุณภาพโดยการสุ่มตัวอย่างอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และต้องจัดทำรายงานการตรวจสอบคุณภาพเก็บไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีเพื่อให้กรมธุรกิจพลังงานสามารถเรียกตรวจสอบได้ เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งหรือน้ำยาดับเพลิง และน้ำยาโฟมเข้มข้น ต้องมีคุณภาพและปริมาณเพียงพอพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา

ข้อ 55 ท่อน้ำดับเพลิงและท่อโฟมให้ทาสีตลอดทั้งเส้น โดยท่อน้ำดับเพลิงให้ใช้สีแดง และท่อโฟมให้ใช้สีเหลือง

ข้อ 56 คลังน้ำมันต้องจัดให้มีระบบสัญญาณเตือนภัยที่สามารถได้ยินหรือรับรู้ได้อย่างทั่วถึงโดยติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเหตุไว้ใกล้แท่นจ่ายน้ำมัน กลุ่มถังเก็บน้ำมัน จุดรับน้ำมัน หรือจุดจ่ายน้ำมัน ไม่น้อยกว่าสองตำแหน่ง โดยต้องมีจำนวนที่เพียงพอต่อการรักษาความปลอดภัย และติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเหตุในบริเวณอาคารสำนักงานหนึ่งตำแหน่ง หรือติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเหตุตามที่กรมธุรกิจพลังงานกำหนด และต้องทดสอบระบบสัญญาณเตือนภัยอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

ข้อ 57 ผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องจัดทำแผนระงับเหตุเพลิงไหม้ และมีการฝึกซ้อมแผนระงับเหตุเพลิงไหม้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่คลังน้ำมันอยู่ในเขตท้องที่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และต้องจัดทำรายงานการฝึกซ้อมแผนระงับเหตุเพลิงไหม้เก็บไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีเพื่อให้กรมธุรกิจพลังงานสามารถเรียกตรวจสอบได้

คลังน้ำมันให้แสดงรายงานการประเมินความเสี่ยง โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา

ข้อ 58 ผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องจัดทำขั้นตอนในการรับหรือจ่ายน้ำมันไว้ในบริเวณจุดรับน้ำมัน จุดจ่ายน้ำมัน และแท่นจ่ายน้ำมัน

บทเฉพาะกาล

--------------------------

ข้อ 59 คลังน้ำมันที่ได้รับใบอนุญาตหรือได้รับความเห็นชอบแบบแปลนและแบบก่อสร้างตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ เว้นแต่

(1) ถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ระบบท่อและอุปกรณ์ หากไม่มีประวัติการทดสอบและตรวจสอบหรือมีประวัติดังกล่าวแต่เกินสิบห้าปีนับถึงวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการทดสอบและตรวจสอบถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ระบบท่อและอุปกรณ์ พร้อมทั้งให้ติดตั้งระบบอุปกรณ์เตือนภัยป้องกันน้ำมันล้นถังตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ภายในสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

ในกรณีที่มีประวัติการทดสอบและตรวจสอบไม่เกินสิบห้าปีนับถึงวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการทดสอบและตรวจสอบถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ระบบท่อและอุปกรณ์ พร้อมทั้งให้ติดตั้งระบบอุปกรณ์เตือนภัยป้องกันน้ำมันล้นถังตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ภายในสิบห้าปีนับแต่วันที่ได้ทำการทดสอบและตรวจสอบครั้งหลังสุด เว้นแต่ระยะเวลาที่ต้องทำการทดสอบและตรวจสอบดังกล่าวเหลือไม่ถึงสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการทดสอบและตรวจสอบภายในสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

(2) การป้องกันและระงับอัคคีภัยตามหมวด 6 ให้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ภายในสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ยกเว้นถังเก็บน้ำมันที่มีลักษณะตามข้อ 51 ให้ดำเนินการปรับปรุงการป้องกันและระงับอัคคีภัยตามหมวด 6 เมื่อต้องทำการทดสอบและตรวจสอบถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ตาม (1)

(3) ถังเก็บน้ำมันที่เก็บน้ำมันชนิดไวไฟน้อย ให้ทำการสร้างเขื่อน กำแพง หรือบ่อเก็บกักน้ำมันมีความสูงไม่น้อยกว่า 0.50 เมตร โดยรอบถังเก็บน้ำมันหรือกลุ่มถังเก็บน้ำมันภายในสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

(4) ระบบท่อน้ำดับเพลิงและท่อโฟม ต้องปรับปรุงเกี่ยวกับสัญลักษณ์ของสี ให้เป็นไปตามข้อ 55 ให้แล้วเสร็จภายในสามปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

ข้อ 60 คลังน้ำมันที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ หากมีการรื้อถอนแล้วก่อสร้างถังเก็บน้ำมันขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิม โดยมีขนาดและปริมาณการเก็บน้ำมันไม่เกินกว่าที่เคยได้รับใบอนุญาตไว้ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามหมวด 2 และหมวด 3 เฉพาะที่เกี่ยวกับระยะปลอดภัย

ข้อ 61 คลังน้ำมันที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ หากมีการสร้างถังเก็บน้ำมันขึ้นใหม่ในเขตคลังน้ำมันดังกล่าวภายในสิบปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้มีระยะปลอดภัย ภายนอกตามข้อ 20 (3) ได้ไม่น้อยกว่า 100 เมตร

ให้ไว้ ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

 

เล่ม 130 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 27 มีนาคม 2556

 

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 7 (1) (2) (3) (5) และ (7) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 บัญญัติให้ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับที่ตั้ง แผนผัง รูปแบบ และลักษณะของคลังน้ำมันเชื้อเพลิง กำหนดลักษณะของถังหรือภาชนะที่ใช้ในการบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาถังหรือภาชนะดังกล่าว และกำหนดวิธีการปฏิบัติงาน การจัดให้มี และบำรุงรักษาอุปกรณ์หรือเครื่องมืออื่นใดภายในสถานที่ดังกล่าว รวมทั้งกําหนดการอื่นใดอันจําเป็นเพื่อประโยชน์ แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรําคาญหรือความเสียหาย หรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมจากการประกอบกิจการคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิงได้แยกการประกอบกิจการควบคุมในส่วนของคลังน้ำมันเชื้อเพลิงออกเป็นคลังน้ำมัน คลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว และคลังก๊าซธรรมชาติ สมควรกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับคลังน้ำมันให้เป็นไปตามมาตรา 7 ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

 

 




กฎหมาย




Copyright © 2012 All Rights Reserved.


  

 

สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร | THE BUILDING INSPECTORS ASSOCIATION
เลขที่ 487 ซ.รามคำแหง 39 (เทพลีลา 1) ถ.รามคำแหง
แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทรศัพท์: 0-2184-4612   โทรสาร: 0-2184-4613
http://www.bsa.or.th