ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369974869&grpid=&catid=02&subcatid=0200
โดย ศิวพร อ่องศรี
เป็นที่ฮือฮาในโลกไซเบอร์กับคลิปวิดีโอสุดสยอง กับเหตุการณ์ที่พยาบาลสาว ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเล่าฮู ประเทศจีน ถูกลิฟต์ซึ่งขัดข้องหนีบศีรษะ จากนั้นลิฟต์เลื่อนลงชั้นล่าง ส่งผลให้ศีรษะของเธอขาดออกจากร่าง เสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจไม่น้อยกับผู้อยู่ในเหตุการณ์รวมถึงคนที่ดูคลิปนี้
แต่สำคัญที่สุด นี่น่าจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ลิฟต์เอง เจ้าของอาคารต่างๆ หรือแม้แต่ภาครัฐ ควรอย่างยิ่งที่จะมีการพูดคุย เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ทำไมระบบเซ็นเซอร์จึงไม่ทำงาน?
อดิศัย แท่งทอง เลขาธิการและเหรัญญิก สมาคมลิฟต์แห่งประเทศไทย วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นว่า โดยปกติตามมาตรฐานของลิฟต์ ถ้าบานประตูปิดไม่สนิทจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบานประตูในหรือบานประตูชานพักทุกชั้น และที่บานประตูชานพักลิฟต์ทุกชั้น จะมีระบบป้องกันความปลอดภัยอยู่ 2 อย่าง คือ 1.ทางกล เพื่อป้องกันผู้โดยสารลิฟต์แหวกประตูลิฟต์เล่น 2.เป็นระบบตรวจสอบทางไฟฟ้าว่า บานประตูนี้ปิดสนิทหรือไม่ และตัวตรวจสอบทางไฟฟ้า จะต้องมีช่องว่างระหว่างอุปกรณ์ล็อกทางกลของบานประตูชานพักห่างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร โดยประมาณ
เช่นเดียวกับระบบเซ็นเซอร์ที่ในลิฟต์แต่ละตัวจะติดตั้งไว้ 3 จุด คือ ด้านซ้าย-ขวา และด้านบนของลิฟต์ ซึ่งเข้าใจอาจมีผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้รู้ระบบการทำงานของลิฟต์ทำการชอร์ตลัดวงจรไฟฟ้า ระบบจึงรวน โดยเฉพาะกรณีที่เป็นอาคารสูงที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ อย่างที่เห็นในคลิป น่าจะเป็นอาคารที่มีความสูง 20 ชั้นขึ้นไป กรณีที่ลิฟต์เกิดเสีย หรือเกิดการขัดข้องจากบานประตูชานพักชั้นใดชั้นหนึ่งปิดไม่สนิท ด้วยเหตุที่ว่าอาจจะมีอุปกรณ์บางอย่างไปติดค้างอยู่ในร่องธรณีบานประตูชานพัก ผู้เชี่ยวชาญที่มาแก้ไขอาจจะไม่แก้ไขโดยรอบคอบหรือโดยละเอียด หรือแก้ไขไม่ถูกตามหลักวิชาการ

อดิศัย แท่งทอง
|
"อาจจะไปทำอย่างมักง่ายด้วยการชอร์ตลัดวงจรไฟฟ้า เพื่อให้ลิฟต์สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งจะทำเช่นนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด อย่างในประเทศไทยจะมีป้ายเตือน "ห้ามลัดวงจรความปลอดภัย"
ส่วนสาเหตุที่แรงหนีบของลิฟต์สามารถกระชากร่างของพยาบาลสาวทำให้ศีรษะขาดได้นั้น เกิดจากแรงกระชากของลิฟต์
ยิ่งจำนวนชั้นของอาคารมากเท่าไหร่ แรงกระชากของลิฟต์ก็มีมากขึ้น เพราะการทำงานของลิฟต์ในอาคารสูงๆ จะต้องใช้แรงในการขนส่งคนขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ทำให้แรงกระชากของลิฟต์มีมาก
อดิศัยบอกว่า ตามปกติ 80-90 เปอร์เซ็นต์ของอุบัติเหตุเกิดจากช่างบำรุงดูแลรักษาลิฟต์ ซึ่งในประเทศจีนได้มีกฎหมายบังคับใช้ว่า ในลิฟต์ทุกตัวจะต้องมีการติดตั้งป้ายตรวจสอบที่รับรองโดยหน่วยงานหรือองค์กรอย่างเข้มงวด ซึ่งถ้าผู้รับจ้างหรือสถานประกอบการหรือเจ้าของอาคารนั้นๆ ให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัย ผู้โดยสารในลิฟต์ หรือผู้ใช้ภายในอาคาร เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น
ประเทศเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าของสถานประกอบการ เจ้าของอาคาร หรือผู้ว่าจ้างให้ความใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยในการดูแลบำรุงรักษาลิฟต์อย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ร้ายได้
"นอกจากนี้ วิธีการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เจ้าของอาคารและเจ้าของสถานประกอบการจะต้องทำตามกฎระเบียบกระทรวงให้ถูกต้อง และให้ความสำคัญในการดูแลบำรุงรักษาลิฟต์อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งผู้ผลิตหรือจำหน่ายลิฟต์จะต้องให้ความสำคัญในการจัดฝึกอบรมให้พนักงานของตัวเอง ให้ปฏิบัติงานและหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดจากการกระทำการหรือปฏิบัติงานที่อาจก่อเกิดอันตราย"
อดิศัยเล่าถึงการติดตั้งและการใช้ลิฟต์ภายในอาคารของประเทศไทยว่า การก่อสร้างอาคารสูง และอาคารขนาดใหญ่พิเศษที่มีขนาดความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป จะมีกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ.2552 ส่วนที่ 5 ในเรื่องของลิฟต์
นายจ้าง เจ้าของอาคาร เจ้าของสถานประกอบการ หรือนิติบุคคล ที่ให้มีลิฟต์ในการปฏิบัติงาน จะต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงคือ จัดทำคำแนะนำอธิบายการใช้ลิฟต์และการขอความช่วยเหลือติดไว้ในห้องลิฟต์, จัดทำคำแนะนำอธิบายการให้ความช่วยเหลือติดไว้ในห้องจักรกลและห้องผู้ดูแลลิฟต์, จัดทำข้อห้ามใช้ลิฟต์ติดไว้ที่ข้างประตูลิฟต์ด้านนอกทุกชั้น, จัดให้มีการตรวจสอบลิฟต์ก่อนการใช้งานทุกวัน หากส่วนใดชำรุดเสียหายต้องซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนใช้งาน รวมถึง จัดให้มีมาตรการป้องกันอันตรายและติดป้ายห้ามใช้ลิฟต์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นได้ชัดเจนในระหว่างที่มีการซ่อมบำรุง การตรวจสอบ หรือการทดสอบลิฟต์
อดิศัยบอกและตอกย้ำว่า ลิฟต์จะต้องมีป้ายบอกพิกัดน้ำหนักหรือจำนวนคนโดยสารได้อย่างปลอดภัย มีระบบไฟส่องสว่างฉุกเฉิน และมีระบบระบายอากาศที่เพียงพอภายในห้องโดยสารของลิฟต์ ในกรณีที่กระแสไฟฟ้าดับ มีระบบแสงหรือเสียงเตือน ในกรณีที่มีการใช้ลิฟต์บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด ที่ผู้ผลิตกำหนด จะมีอุปกรณ์ตัดระบบการทำงานของลิฟต์ เมื่อมีการใช้ลิฟต์บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดที่ผู้ผลิตกำหนด และจะต้องปฏิบัติตามรายละเอียดคุณลักษณะของลิฟต์แต่ละประเภทหรือคู่มือการใช้งานที่ผู้ผลิตกำหนดไว้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องจัดให้มีการตรวจสอบและการทดสอบชิ้นส่วนและอุปกรณ์ของลิฟต์โดยวิศวกรอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และต้องตรวจสอบระบบความปลอดภัยและระบบการทำงานของลิฟต์เป็นประจำทุกเดือน
หน้า 21,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2556
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369974869&grpid=&catid=02&subcatid=0200